ช่วงกลางเดือนกรกฏาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม ประเทศไทยเกิดสถานการณ์ฝนตกหนักจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน "เซินติญ" (SON-TINH) และลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมบริเวณประเทศไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง ทำให้เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งต่ำตามธรรมชาติในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะทางด้านตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา แพร่ น่าน นครพนม ร้อยเอ็ด สกลนคร ยโสธร อำนาจเจริญ กาฬสินธุ์ มุกดาหาร อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบึงกาฬ เป็นต้น รวมถึงบางพื้นที่ของภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ซึ่งมวลน้ำบางส่วนในพื้นที่ภาคเหนือได้ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ประกอบกับมีฝนตกกระจายตัวในหลายพื้นที่ของประเทศ ทำให้เกิดน้ำท่วมขังบริเวณพื้นที่ราบต่ำ และพื้นที่ลุ่มการเกษตร บริเวณริมแม่น้ำสายหลักและลำน้ำย่อย
               นอกจากนี้อิทธิพลของพายุยังส่งผลทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวเบงกอล เหนี่ยวนำให้ลมตะวันตกเฉียงใต้ทวีกำลังแรงขึ้น ส่งผลทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่รับลม ได้แก่ ด้านตะวันตกของภาคใต้บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ชุมพร ระนอง พังงา สุราษฎร์ธานี และภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดจันทบุรีและตราด
               ข้อมูลจากรายงานสถานการณ์สาธารณภัยของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประจำวันที่ 18 สิงหาคม 2561 เวลา 07.00 น. ได้รายงานสถานการณ์อุทกภัย จากอิทธิพลพายุโซนร้อน "เซินติญ" (SON-TINH) และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค. - 18 ส.ค. 61 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินถล่ม ในพื้นที่ 32 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แม่ฮ่องสอน พิจิตร ลำปาง น่าน นครสวรรค์ แพร่ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ตาก กาญจนบุรี นครนายก อำนาจเจริญ กาฬสินธุ์ นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี บึงกาฬ สกลนคร ร้อยเอ็ด ยโสธร หนองคาย เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง พังงา สุราษฎร์ธานี ชุมพร และตราด รวม 109 อำเภอ 405 ตำบล 2,350 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 51,161 ครัวเรือน 149,831 คน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ได้แก่ จังหวัดสกลนคร 1 ราย และชุมพร 1 ราย
               อิทธิพลจากพายุโซนร้อน "เซินติญ" (SON-TINH) และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ส่งผลทำให้น้ำไหลลงเขื่อนขนาดใหญ่ในพื้นที่มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น โดยเขื่อนน้ำอูน จังหวัดสกลนคร และเขื่อนน้ำแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เกิดสถานการณ์น้ำล้นเขื่อนไหลออกผ่านทางระบายน้ำล้น (Spillway) ซึ่งเขื่อนน้ำอูนมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินเกณฑ์ควบคุมตัวบนในวันที่ 16 ก.ค. 61 หลังจากนั้นปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเกินระดับกักเก็บปกติ และเกิดสถานการณ์น้ำล้นเขื่อนตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค. 61 เนื่องจากมีปริมาณน้ำไหลเข้ามาสูงถึง 32 ล้านลูกบาศก์เมตร และเกิดสถานการณ์ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 26 กันยายน 2561 หลังจากนั้นสถานการณ์จึงเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ รวมระยะเวลาที่น้ำเกินระดับกักเก็บปกติทั้งสิ้น 56 วัน ส่วนเขื่อนแก่งกระจานมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินเกณฑ์ควบคุมตัวบนในวันที่ 19 ก.ค. 61
เพียงวันเดียวมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯ สูงถึง 159.89 ลบ.ม. ซึ่งถือเป็นปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนรายวันที่สูงที่สุดของเขื่อนแก่งกระจานตั้งแต่มีการสร้างเขื่อนมา หลังจากนั้นปริมาณน้ำได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเกินระดับกักเก็บปกติ จนเกิดสถานการณ์น้ำล้นตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. 61 และเกิดสถานการณ์ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 13 กันยายน 2561 หลังจากนั้นสถานการณ์จึงเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ รวมระยะเวลาที่น้ำเกินระดับกักเก็บปกติทั้งสิ้น 39 วัน

ภาพน้ำล้น spillway เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร



Created by Meow using WikiProject Tropical cyclones/Tracks. The background image is from NASA. Tracking data is from NOAA

                    พายุโซนร้อน "เซินติญ" (SON-TINH) ก่อตัวขึ้นบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ทางด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2561 หลังจากนั้นได้เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตก ผ่านบริเวณเหนือเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ เข้าสู่ทะเลจีนใต้ และทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนในวันที่ 17 กรกฎาคม 2561 หลังจากนั้นเคลื่อนตัวต่อไปทางทิศตะวันตกอย่างต่อเนื่องโดยผ่านเกาะไหหลำในวันที่ 18 กรกฎาคม 2561 ในขณะที่ยังคงเป็นพายุโซนร้อนและได้เคลื่อนตัวลงสู่อ่าวตังเกี๋ยในวันเดียวกัน ต่อมาในวันที่ 19 กรกฎาคม 2561 พายุดังกล่าวได้เคลื่อนขึ้นตัวฝั่งบริเวณเมืองวิญ ประเทศเวียดนาม และอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันพร้อมกับเคลื่อนตัวเข้าสู่บริเวณตอนบนของประเทศลาว และอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำในวันเดียวกัน หลังจากนั้นหย่อมความกดอากาศต่ำได้เปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออก ผ่านตอนบนของประเทศเวียดนาม มุ่งหน้าลงสู่อ่าวตังเกี๋ย และทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุดีเปรสชันอีกครั้งในวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 พร้อมทั้งได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนในวันเดียวกัน และเคลื่อนตัวเข้าสู่ทางตอนใต้ของเกาะไหหลำและเคลื่อนตัวต่อไปทางทิศเหนือของเกาะจนถึงวันที่ 24 กรกฎาคม 2561 ซึ่งพายุดังกล่าวจึงได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำ ตามลำดับ ก่อนเคลื่อนตัวเข้าปกคลุมบริเวณตอนใต้ของประเทศจีน

พายุโซนร้อน "เซินติญ" (SON-TINH)





ข้อมูลโดย : Kochi University

                    ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม Himawari-8 แสดงให้เห็นว่าอิทธิพลจากพายุโซนร้อน "เซินติญ" (SON-TINH) ในช่วงกลางเดือนถึงปลายเดือนกรกฎาคม ประกอบกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมบริเวณทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยที่มีกำลังแรงอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม ส่งผลให้มีกลุ่มเมฆปกคลุมบริเวณประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีกลุ่มเมฆปกคลุมหนาแน่นบริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ด้านฝั่งตะวันตก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกต่อเนื่องและฝนตกหนักมากบางแห่ง


14/07/61 00GMT

15/07/61 00GMT

16/07/61 00GMT

17/07/61 00GMT

18/07/61 00GMT

19/07/61 00GMT

20/07/61 00GMT

21/07/61 00GMT

22/07/61 00GMT

23/07/61 00GMT

24/07/61 00GMT

25/07/61 00GMT

26/07/61 00GMT

27/07/61 00GMT

28/07/61 00GMT

29/07/61 00GMT

30/07/61 00GMT

31/07/61 00GMT

01/08/61 00GMT

02/08/61 00GMT

03/08/61 00GMT

04/08/61 00GMT

05/08/61 00GMT

06/08/61 00GMT

07/08/61 00GMT

08/08/61 00GMT

09/08/61 00GMT
ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.thaiwater.net/TyphoonTracking/Goes9.php




 ข้อมูลโดย : กรมอุตุนิยมวิทยา

                    จากภาพแผนที่อากาศ จะเห็นได้ว่าในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคมลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณประเทศเมียนมา ลาวตอนบน และเวียดนามตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ยในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม และในบางช่วงร่องมรสุมได้เลื่อนลงมาพาดผ่านประเทศไทยบริเวณตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ยังได้รับอิทธิพลจากพายุโซนร้อน "เซินติญ" (SON-TINH) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนที่เคลื่อนตัวผ่านเกาะไหหลำและอ่าวตังเกี๋ยขึ้นสู่ฝั่งบริเวณเมืองวิญ ประเทศเวียดนาม ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2561 แล้วอ่อนกำลังลงตามลำดับจนเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศลาวตอนบนในวันที่ 20 กรกฎาคม 2561 จากนั้นทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุดีเปรสชันอีกครั้งในวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 แล้วเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำในช่วงค่ำของวันเดียวกัน จากนั้นในวันที่ 24 กรกฎาคม 2561 ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมประเทศเวียดนามและประเทศจีนตอนตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม - 4 สิงหาคม 2561 ซึ่งส่งผลใหเกิดร่องมรสุมพาดผ่านประเทศลาวตอนบน เวียดนามตอนบน และอ่าวตังเกี๋ย หลังจากนั้นในวันที่ 5-9 สิงหาคม 2561 ร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านบริเวณภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย ส่งผลให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางแห่ง นอกจากนี้ในช่วงวันที่ 14-23 กรกฎาคม 2561 บริเวณอ่าวเบงกอลยังมีการก่อตัวของหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ทำให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางแห่ง


14/07/61

15/07/61

16/07/61

17/07/61

18/07/61

19/07/61

20/07/61

21/07/61

22/07/61

23/07/61

24/07/61

25/07/61

26/07/61

27/07/61

28/07/61

29/07/61

30/07/61

31/07/61

01/08/61

02/08/61

03/08/61

04/08/61

05/08/61

06/08/61

07/08/61

08/08/61

09/08/61
ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.thaiwater.net/DATA/REPORT/php/hmain.php?page=/TyphoonTracking/show_weather_map.php




 ข้อมูลโดย : สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน)

                    แผนที่แสดงความกดอากาศที่ระดับความสูง 1.5 กิโลเมตรจากระดับน้ำทะเล แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนตัวของร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย ตอนบนของประเทศเวียดนาม และประเทศเมียนมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเคลื่อนตัวของพายุโซนร้อน "เซินติญ" (SON-TINH) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน (พื้นที่วงกลมสีส้มอ่อนและสีส้มเข้ม) โดยได้ทวีกำลังขึ้นเป็นพายุโซนร้อน ในวันที่ 18 กรกฎาคม 2561 พร้อมเคลื่อนตัวเข้าปกคลุมบริเวณอ่าวตังเกี๋ย (พื้นที่วงกลมสีแดง) และอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำในวันที่ 20 กรกฎาคม 2561 หลังจากนั้นได้ทวีกำลังแรงขึ้นมาอีกครั้งในช่วงวันที่ 22-23 กรกฎาคม 2561 บริเวณอ่าวตังเกี๋ย (มีวงกลมสีแดงกลับมาอีกครั้ง) หลังจากนั้นพายุดังกล่าวได้สลายตัวเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณตอนใต้ของประเทศจีน ในช่วงวันที่ 24-25 กรกฎาคม 2561 (พื้นที่สีส้ม) หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 26 กรกฎาคม - 4 สิงหาคม 2561 หย่อมความกดอากาศต่ำเลื่อนลงมาปกคลุมบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ประเทศเวียดนามตอนบน และภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย (พื้นที่สีเหลือง) ทำให้เกิดร่องมรสุมพาดผ่านประเทศพม่าตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยและทะเลอันดามันทวีกำลังแรงขึ้น ทำให้เกิดแนวลมพัดสอบบริเวณด้านล่างของร่องมรสุม ส่งผลให้ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมาก รวมทั้งแนวปะทะของลมมรสุมในด้านตะวันตกของประเทศ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก จะกลับมามีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากได้บางแห่ง นอกจากนี้ในช่วงวันที่ 14-23 กรกฎาคม 2561 บริเวณอ่าวเบงกอลยังมีการก่อตัวของหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง (พื้นที่วงกลมสีส้มเข้มและสีส้มอ่อน) ทำให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางแห่ง โดยค่าความกดอากาศต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 840-842 hPa


14/07/61

15/07/61

16/07/61

17/07/61

18/07/61

19/07/61

20/07/61

21/07/61

22/07/61

23/07/61

24/07/61

25/07/61

26/07/61

27/07/61

28/07/61

29/07/61

30/07/61

31/07/61

01/08/61

02/08/61

03/08/61

04/08/61

05/08/61

06/08/61

07/08/61

08/08/61

09/08/61

ข้อมูลเพิ่มเติม : http://live1.hii.or.th/wrf_image/weather_map.php, http://live1.hii.or.th/wrf_image/weather_map_latest.php?img=pressure_upperwind_1500m_low_latest.flv




 ข้อมูลโดย : สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน)

                    ภาพแผนที่แสดงความเร็วลมที่ระดับความสูง 1.5 กิโลเมตร จากระดับน้ำทะเล แสดงให้เห็นว่าลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมจนถึงต้นเดือนสิงหาคม โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดพายุโซนร้อน "เซินติญ" (SON-TINH) เนื่องจากอิทธิพลของพายุดังกล่าวส่งผลให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงประมาณวันที่ 14-22 กรกฎาคม 2561 หลังจากนั้นลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยและทะเลอันดามันกลับมาทวีกำลังแรงขึ้น เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวเบงกอล ทำให้เกิดแนวลมพัดสอบบริเวณด้านล่างของร่องมรสุม ส่งผลให้ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนกลับมามีฝนตกหนักอีกครั้ง รวมทั้งแนวปะทะของลมมรสุมในด้านตะวันตกของประเทศ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก กลับมามีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางแห่ง ในช่วงวันที่ 30 กรกฎาคม - 9 สิงหาคม 2561 นอกจากนี้ในช่วงวันที่ 14-23 กรกฎาคม 2561 บริเวณอ่าวเบงกอลยังมีการก่อตัวของหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ทำให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางแห่ง ซึ่งมีความเร็วลมส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 70-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนบริเวณที่เกิดพายุความเร็วลมจะมากกว่าพื้นที่อื่น ๆ โดยเฉพาะบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ที่พายุปกคลุมในช่วงวันที่ 17-18 กรกฎาคม 2561 ความเร็วลมอยู่ที่ประมาณ 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง


14/07/61

15/07/61

16/07/61

17/07/61

18/07/61

19/07/61

20/07/61

21/07/61

22/07/61

23/07/61

24/07/61

25/07/61

26/07/61

27/07/61

28/07/61

29/07/61

30/07/61

31/07/61

01/08/61

02/08/61

03/08/61

04/08/61

05/08/61

06/08/61

07/08/61

08/08/61

09/08/61

ข้อมูลเพิ่มเติม : http://live1.hii.or.th/wrf_image/weather_map.php, http://live1.hii.or.th/wrf_image/weather_map_latest.php?img=pressure_upperwind_1500m_low_latest.flv




ข้อมูลโดย : Ocean Weather Inc.

                    แผนภาพแสดงความสูงของคลื่นและทิศทางของคลื่นแสดงให้เห็นว่า จากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่พัดปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอลในช่วงวันที่ 14-23 กรกฎาคม 2561 เหนี่ยวนำให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมบริเวณทะเลอันดามันและประเทศไทยมีกำลังแรงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกรกฎาคมไปจนถึงต้นเดือนสิงหาคม 2561 รวมทั้งแนวปะทะของลมมรสุมในด้านตะวันตกของประเทศ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ส่งผลให้คลื่นลมบริเวณทะเลฝั่งอันดามันมีความสูงเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 14-16 กรกฎาคม 20-22 กรกฎาคม และ 30 กรกฎาคมถึง 1 สิงหาคม 2561 ที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงมาก ส่งผลให้บริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีความสูงคลื่นเพิ่มขึ้นเป็น 2-3 เมตร




14/07/61

15/07/61

16/07/61

17/07/61

18/07/61

19/07/61

20/07/61

21/07/61

22/07/61

23/07/61

24/07/61

25/07/61

26/07/61

27/07/61

28/07/61

29/07/61

30/07/61

31/07/61

01/08/61

02/08/61

03/08/61

04/08/61

05/08/61

06/08/61

07/08/61

08/08/61

09/08/61

ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.thaiwater.net/DATA/REPORT/php/show_wave.php?zone=scs




 ข้อมูลโดย : กรมอุตุนิยมวิทยา กรมฝนหลวงและการบินเกษตร

                    เครือข่ายภาพเรดาร์ตรวจวัดปริมาณฝนของกรมอุตุนิยมวิทยาและกรมฝนหลวงและการบินเกษตรในพื้นที่ประเทศไทย ได้แก่ เรดาร์สกลนคร เรดาร์ขอนแก่น เรดาร์พิษณุโลก เรดาร์อุบลราชธานี เรดาร์น่าน เรดาร์ชัยนาท เรดาร์สัตหีบ และเรดาร์สุราษฎร์ธานี ตรวจพบกลุ่มฝนกระจุกตัวหนาแน่นเกือบทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทย เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากพายุโซนร้อน "เซินติญ" (SON-TINH) และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ในช่วงเวลาดังกล่าว ส่งผลให้ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคมประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักถึงหนักมากเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน ตาก กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ส่วนประเทศไทยตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ โดยเฉพาะภาคใต้ด้านฝั่งตะวันตก บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 16-22 กรกฎาคม 2561 และ 1-9 สิงหาคม 2561

เรดาร์สกลนคร

14/07/61 19:30GMT

15/07/61 00:30GMT

16/07/61 02:30GMT

17/07/61 06:30GMT

18/07/61 21:30GMT

19/07/61 16:30GMT

20/07/61 19:30GMT

21/07/61 19:30GMT

22/07/61 04:30GMT

23/07/61 17:30GMT

24/07/61 12:30GMT

25/07/61 14:30GMT

26/07/61 00:30GMT

27/07/61 06:30GMT

28/07/61 08:30GMT

29/07/61 17:30GMT

30/07/61 13:30GMT

31/07/61 20:30GMT

01/08/61 20:30GMT

02/08/61 17:30GMT

03/08/61 19:30GMT

04/08/61 22:30GMT

05/08/61 17:30GMT

06/08/61 07:30GMT

07/08/61 20:30GMT

08/08/61 18:30GMT

09/08/61 21:30GMT

ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.thaiwater.net/DATA/REPORT/php/radar/show_sknradar.php



เรดาร์ขอนแก่น

14/07/61 13:45GMT

15/07/61 23:30GMT

16/07/61 06:45GMT

17/07/61 00:45GMT

18/07/61 10:45GMT

19/07/61 23:30GMT

20/07/61 12:45GMT

21/07/61 13:45GMT

22/07/61 13:45GMT

23/07/61 14:45GMT

24/07/61 22:45GMT

25/07/61 07:45GMT

26/07/61 08:45GMT

27/07/61 22:45GMT

28/07/61 15:45GMT

29/07/61 16:45GMT

30/07/61 14:45GMT

31/07/61 06:45GMT

01/08/61 17:45GMT

02/08/61 11:45GMT

03/08/61 14:45GMT

04/08/61 14:45GMT

05/08/61 14:30GMT

06/08/61 07:45GMT

07/08/61 06:45GMT

08/08/61 07:45GMT

09/08/61 02:45GMT

ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.thaiwater.net/DATA/REPORT/php/radar/show_kkn_radar.php


เรดาร์พิษณุโลก

14/07/61 13:45GMT

15/07/61 14:45GMT

16/07/61 08:45GMT

17/07/61 12:45GMT

18/07/61 11:45GMT

19/07/61 10:45GMT

20/07/61 05:45GMT

21/07/61 13:45GMT

22/07/61 11:45GMT

23/07/61 14:45GMT

24/07/61 20:45GMT

25/07/61 07:45GMT

26/07/61 13:45GMT

27/07/61 14:45GMT

28/07/61 09:45GMT

29/07/61 09:45GMT

30/07/61 09:45GMT

31/07/61 06:45GMT

01/08/61 13:45GMT

02/08/61 10:45GMT

03/08/61 11:45GMT

04/08/61 13:45GMT

05/08/61 13:45GMT

06/08/61 13:45GMT

07/08/61 12:45GMT

08/08/61 12:45GMT

09/08/61 12:45GMT

ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.thaiwater.net/DATA/REPORT/php/radar/show_phkradar.php


เรดาร์อุบลราชธานี

14/07/61 19:30GMT

15/07/61 09:30GMT

16/07/61 22:30GMT

17/07/61 02:30GMT

18/07/61 16:30GMT

19/07/61 08:30GMT

20/07/61 16:30GMT

21/07/61 15:30GMT

22/07/61 06:30GMT

23/07/61 10:30GMT

24/07/61 14:30GMT

25/07/61 10:30GMT

26/07/61 09:30GMT

27/07/61 08:30GMT

28/07/61 13:30GMT

29/07/61 11:30GMT

30/07/61 11:30GMT

31/07/61 19:30GMT

01/08/61 17:30GMT

02/08/61 15:30GMT

03/08/61 18:30GMT

04/08/61 16:30GMT

05/08/61 13:30GMT

06/08/61 15:30GMT

07/08/61 21:30GMT

08/08/61 19:30GMT

09/08/61 21:30GMT

ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.thaiwater.net/DATA/REPORT/php/radar/show_ubolradar.php


เรดาร์น่าน

14/07/61 11:40GMT

15/07/61 18:10GMT

16/07/61 20:40GMT

17/07/61 07:40GMT

18/07/61 08:20GMT

19/07/61 02:40GMT

20/07/61 10:10GMT

21/07/61 12:50GMT

22/07/61 07:50GMT

23/07/61 18:10GMT

24/07/61 16:10GMT

25/07/61 08:10GMT

26/07/61 19:50GMT

27/07/61 18:50GMT

28/07/61 15:40GMT

29/07/61 16:40GMT

30/07/61 11:50GMT

31/07/61 08:50GMT

01/08/61 18:20GMT

02/08/61 08:40GMT

03/08/61 15:20GMT

04/08/61 14:20GMT

05/08/61 09:50GMT

06/08/61 06:50GMT

07/08/61 06:20GMT

08/08/61 20:50GMT

09/08/61 12:10GMT

ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.thaiwater.net/v3/Program/Image/radar/tmd/nan120


เรดาร์ชัยนาท

14/07/61 14:30GMT

15/07/61 10:45GMT

16/07/61 06:45GMT

17/07/61 06:45GMT

18/07/61 12:45GMT

19/07/61 10:45GMT

20/07/61 23:45GMT

21/07/61 13:00GMT

22/07/61 08:30GMT

23/07/61 06:30GMT

24/07/61 02:45GMT

25/07/61 07:00GMT

26/07/61 23:45GMT

27/07/61 14:45GMT

28/07/61 13:00GMT

29/07/61 13:00GMT

30/07/61 11:00GMT

31/07/61 05:00GMT

01/08/61 10:45GMT

02/08/61 10:45GMT

03/08/61 11:00GMT

04/08/61 14:45GMT

05/08/61 07:00GMT

06/08/61 16:30GMT

07/08/61 12:45GMT

08/08/61 14:45GMT

09/08/61 14:45GMT

ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.thaiwater.net/DATA/REPORT/php/radar/show_chn.php


เรดาร์สัตหีบ

14/07/61 15:54GMT

15/07/61 01:54GMT

16/07/61 07:54GMT

17/07/61 00:54GMT

18/07/61 08:54GMT

19/07/61 01:54GMT

20/07/61 08:54GMT

21/07/61 07:54GMT

22/07/61 08:54GMT

23/07/61 10:54GMT

24/07/61 08:48GMT

25/07/61 07:54GMT

26/07/61 08:54GMT

27/07/61 08:54GMT

28/07/61 16:42GMT

29/07/61 07:54GMT

30/07/61 09:54GMT

31/07/61 07:54GMT

01/08/61 03:54GMT

02/08/61 03:54GMT

03/08/61 05:54GMT

04/08/61 01:54GMT

05/08/61 01:54GMT

06/08/61 02:54GMT

07/08/61 16:42GMT

08/08/61 15:54GMT

09/08/61 09:54GMT

ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.thaiwater.net/DATA/REPORT/php/radar/show_rm_satradar.php


เรดาร์สุราษฎร์ธานี

14/07/61 10:30GMT

15/07/61 16:30GMT

16/07/61 19:30GMT

17/07/61 10:30GMT

18/07/61 03:30GMT

19/07/61 16:30GMT

20/07/61 22:30GMT

21/07/61 21:30GMT

22/07/61 10:30GMT

23/07/61 05:30GMT

24/07/61 06:30GMT

25/07/61 10:30GMT

26/07/61 22:30GMT

27/07/61 00:30GMT

28/07/61 01:30GMT

29/07/61 08:30GMT

30/07/61 09:30GMT

31/07/61 05:30GMT

01/08/61 07:30GMT

02/08/61 07:30GMT

03/08/61 10:30GMT

04/08/61 21:30GMT

05/08/61 22:30GMT

06/08/61 23:30GMT

07/08/61 09:30GMT

08/08/61 22:30GMT

09/08/61 17:30GMT

ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.thaiwater.net/DATA/REPORT/php/radar/show_srtradar.php




 ข้อมูลโดย : คลังข้อมูลน้ำและภูมิอากาศแห่งชาติ

                    รายงานข้อมูลปริมาณฝนสะสมรายวันจากคลังข้อมูลน้ำและภูมิอากาศแห่งชาติ ในช่วงวันที่ 14 ก.ค. - 9 ส.ค. 61 พบว่า ประเทศไทยเริ่มได้รับอิทธิพลจากพายุ "เซินติญ" (SON-TIHN) ทำให้มีฝนตกกระจายตัวเกือบทั่วทุกภาคของประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค. 61 และตั้งแต่วันที่ 17-18 ก.ค. 61 เป็นต้นไป ประเทศไทยเริ่มมีฝนตกหนักถึงหนักมากกระจุกตัวบริเวณตอนบนของภาคเหนือ และในบางพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งอิทธิพลของพายุดังกล่าวยังทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยทวีกำลังแรง ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 17-18 ก.ค. 61 ด้านตะวันตกของภาคใต้และภาคตะวันออกมีฝนหนักในบางพื้นที่ และกลับมามีฝนตกหนักมากอีกครั้งในช่วงวันที่ 6-9 ส.ค. 61 สำหรับจังหวัดที่มีฝนตกหนักมากปริมาณฝนสะสมเกิน 90 มิลลิเมตรต่อวัน ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา เพชรบูรณ์ ลำปาง ลำพูน พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ตาก กาญจนบุรี ชัยภูมิ บึงกาฬ มุกดาหาร สกลนคร ร้อยเอ็ด เลย กาฬสินธุ์ นครนายก ตราด สระแก้ว จันทบุรี เพชรบุรี ระนอง พังงา ชุมพร สุราษฎร์ธานี กระบี่ นครศรีธรรมราช และตรัง ซึ่งรายละเอียดเพิ่มเติมแสดงดังแผนที่และตารางด้านล่าง



14/07/61

15/07/61

16/07/61

17/07/61

18/07/61

19/07/61

20/07/61

21/07/61

22/07/61

23/07/61

24/07/61

25/07/61

26/07/61

27/07/61

28/07/61

29/07/61

30/07/61

31/07/61

01/08/61

02/08/61

03/08/61

04/08/61

05/08/61

06/08/61

07/08/61

08/08/61

09/08/61

ตารางแสดงปริมาณฝนสะสมรายวันช่วงวันที่ 14 ก.ค. - 9 ส.ค. 61
วันที่
สถานี
ตำบล
อำเภอ
จังหวัด
ปริมาณฝนรายวัน (มม.)
2018-07-16
อบต.บางปิด บางปิด แหลมงอบ ตราด
117.4
2018-07-17
บ้านโรงกลวง นบปริง เมืองพังงา พังงา
197.5
บ้านผาคอ บ้านปิน ลอง แพร่
159.5
บ้านโป่งสอ น้ำกุ่ม นครไทย พิษณุโลก
153
บ้านห้วยฮ่อมพัฒนา บ้านเวียง ร้องกวาง แพร่
151
บ้านกงษีไร่ (หมู่ 6) ซึ้ง ขลุง จันทบุรี
148.5
บ้านคีรีรัตน์ เข็กน้อย เขาค้อ เพชรบูรณ์
142
บ้านทุ่งมะส้าน ห้วยผา เมืองแม่ฮ่องสอน แม่ฮ่องสอน
138
บ้านทบศอก หมอกจำแป่ เมืองแม่ฮ่องสอน แม่ฮ่องสอน
114.5
บ้านน้ำปาย น้ำปาย แม่จริม น่าน
111.5
วังกระแจะ วังกระแจะ เมืองตราด ตราด
106.4
อบต.บางใหญ่ บางใหญ่ กระบุรี ระนอง
104
บ้านซับแม็ก หนองน้ำใส วัฒนานคร สระแก้ว
101
บ้านในง่วม วังใหม่ เมืองชุมพร ชุมพร
99
บ้านวังเป่ง น้ำทูน ท่าลี่ เลย
96.5
บ้านน้ำกุ่ม น้ำกุ่ม นครไทย พิษณุโลก
95.5
บ้านส่องสี ห้วยมุ่น น้ำปาด อุตรดิตถ์
93.5
อบต.ด่านชุมพล ด่านชุมพล บ่อไร่ ตราด
91.8
บ้านห้วยเย็น ปิงหลวง นาหมื่น น่าน
91.5
2018-07-18
บ้านโรงกลวง นบปริง เมืองพังงา พังงา
138
2018-07-19
บ้านสกาดกลาง สกาด ปัว น่าน
169
บ้านเต๋ยกิ๋วเห็น ภูคา ปัว น่าน
167
ชุมชนบ้านทับคริสต์ คลองชะอุ่น พนม สุราษฎร์ธานี
146
บ้านผาเวียง ภูคา ปัว น่าน
145.5
บ้านหนองปลา เชียงกลาง เชียงกลาง น่าน
120.5
บ้านหาดส้มป่อย แม่สาบ สะเมิง เชียงใหม่
113
บ้านสว้านเหนือ ดงพญา บ่อเกลือ น่าน
106
ทต.หนองเลิง หนองเลิง บึงกาฬ บึงกาฬ
100.2
บ้านนามน เปียงหลวง เวียงแหง เชียงใหม่
96.5
บ้านแม่แอบ บ้านแซว เชียงแสน เชียงราย
92
2018-07-20
บ้านไหล่ท่า แม่ระมาด แม่ระมาด ตาก
119.5
บ้านป่าไร่เหนือ พระธาตุ แม่ระมาด ตาก
105.5
2018-07-21
บ้านปางยาง ภูคา ปัว น่าน
118
บ้านเต๋ยกิ๋วเห็น ภูคา ปัว น่าน
109
บ้านก้อ แม่จริม แม่จริม น่าน
103.5
บ้านห้วยละเบ้ายา สะเนียน เมือง น่าน
96
2018-07-24
บ้านหนองปลา เชียงกลาง เชียงกลาง น่าน
123.5
บ้านห่างทางหลวง ภูฟ้า บ่อเกลือ น่าน
111.5
บ้านนากึ๋น บ่อเกลือเหนือ บ่อเกลือ น่าน
96.5
บ้านนาฝ่า จอมพระ ท่าวังผา น่าน
96.5
2018-07-26
บ้านดงบัง มหาไชย สมเด็จ กาฬสินธุ์
124.5
2018-07-27
บ้านโรงกลวง นบปริง เมืองพังงา พังงา
150
บ้านท่าจีน น้ำน้อย หาดใหญ่ สงขลา
140.5
บ้านตาบาด บ่อพลอย บ่อไร่ ตราด
116
บ้านปะตงล่าง (เขาสอยดาว) ทรายขาว สอยดาว จันทบุรี
104.5
บ้านน้ำพัน นาไร่หลวง สองแคว น่าน
101
บ้านถ้ำเวียงแก นาไร่หลวง สองแคว น่าน
96
บ้านห่างทางหลวง ภูฟ้า บ่อเกลือ น่าน
90.5
2018-07-28
บ้านเต๋ยกิ๋วเห็น ภูคา ปัว น่าน
115
บ้านหาดส้มแป้น หาดส้มแป้น เมืองระนอง ระนอง
116
2018-07-29
บ้านดอนที ริมโขง เชียงของ เชียงราย
106
2018-07-30
บ้านโรงกลวง นบปริง เมืองพังงา พังงา
192
บ้านเหมาะ (บ้านในหนด) เหมาะ กะปง พังงา
132
บ้านลำภี ลำภี ท้ายเหมือง พังงา
109
บ้านบางหลาโอน คึกคัก ตะกั่วป่า พังงา
102
2018-08-01
บ้านคลองกะพง เขาบายศรี ท่าใหม่ จันทบุรี
116
2018-08-02
บ้านหัวน้ำ พระธาตุ เชียงกลาง น่าน
137.5
2018-08-05
บ้านหินกอง ทุ่งเบญจา ท่าใหม่ จันทบุรี
130.5
2018-08-06
บ้านโรงกลวง นบปริง เมืองพังงา พังงา
111
2018-08-07
บ้านสะพานนาค คลองศก พนม สุราษฎร์ธานี
196.5
บ้านท่าหัน รมณีย์ กะปง พังงา
161
บ้านลำภี ลำภี ท้ายเหมือง พังงา
149
บ้านน้ำพร้า นางพญา ท่าปลา อุตรดิตถ์
133.5
บ้านเหมาะ (บ้านในหนด) เหมาะ กะปง พังงา
132.5
บ้านบางหลาโอน คึกคัก ตะกั่วป่า พังงา
119.5
บ้านกะไหล กะไหล ตะกั่วทุ่ง พังงา
116.5
บ้านเขานางหงษ์ ปากน้ำ เมืองระนอง ระนอง
103
บ้านช้างเชื่อ เหมาะ กะปง พังงา
100
บ้านหาดส้มแป้น หาดส้มแป้น เมืองระนอง ระนอง
98
บ้านดอกแดง บางสวรรค์ พระแสง สุราษฎร์ธานี
95.5
อบต.คลองศก คลองศก พนม สุราษฎร์ธานี
95.4
บ้านเหนือ ตำตัว ตะกั่วป่า พังงา
91
ที่ทำการน้ำตกนางรอง หินตั้ง เมืองนครนายก นครนายก
90.5
2018-08-08
บ้านสะพานนาค คลองศก พนม สุราษฎร์ธานี
133
2018-08-09
บ้านในแจะ ปากทรง พะโต๊ะ ชุมพร
108
บ้านพรรั้ง บางริ้น เมืองระนอง ระนอง
106
บ้านหินขาว กะเปอร์ กะเปอร์ ระนอง
104.5
บ้านป่ายางอีก้อ แม่ฟ้าหลวง แม่ฟ้าหลวง เชียงราย
101.5
หมายเหตุ : รายงานเฉพาะปริมาณฝนสะสมรายวันที่ตรวจวัดได้เกิน 90 มิลลิเมตร ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ฝนตกหนักมากตามเกณฑ์มาตรฐานของกรมอุตุนิยมวิทยา

ปริมาณฝนสะสมในช่วงวันที่ 14-21 ก.ค. 61
                    อิทธิพลของพายุโซนร้อน "เซินติญ" (SON-TINH) ส่งผลทำให้เกิดฝนตกหนักมากในหลายพื้นที่ของประเทศไทยตอนบน โดยอิทธิพลของพายุเริ่มส่งผลให้เกิดฝนตกหนักบริเวณตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลังจากนั้นสถานการณ์ฝนตกหนักเริ่มแผ่กว้างไปถึงตอนล่างของภาค และกระจายสู่ตอนกลางของภาคตามลำดับ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดหนองคาย นครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ มุกดาหาร และร้อยเอ็ด ที่มีฝนตกหนักกระจุกตัวอยู่ ส่วนภาคเหนือของประเทศมีฝนตกหนักบริเวณด้านตะวันออกของภาค โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดน่าน แพร่ พะเยา และเชียงราย สำหรับภาคตะวันออกมีฝนตกหนักกระจุกตัวเฉพาะที่บริเวณจังหวัดตราดและจันทบุรี ส่วนภาคใต้มีฝนตกหนักกระจุกตัวบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา สุราษฎร์ธานี รายละเอียดเพิ่มเติมดังภาพเคลื่อนไหว และตารางด้านล่าง

ภาพเคลื่อนไหวแสดงปริมาณฝนสะสมช่วงวันที่ 14-21 ก.ค. 61


ตารางแสดงปริมาณฝนสะสมช่วงวันที่ 14-21 ก.ค. 61
ชื่อสถานี ตำบล อำเภอ จังหวัด ปริมาณฝนสะสม (มม.)
ตั้งแต่วันที่ 14-21 ก.ค. 61
บ้านเต๋ยกิ๋วเห็น ภูคา ปัว น่าน 390.5
บ้านโรงกลวง นบปริง เมืองพังงา พังงา 382
บ้านผาเวียง ภูคา ปัว น่าน 361.5
บ้านสกาดกลาง สกาด ปัว น่าน 334
บ้านปางยาง ภูคา ปัว น่าน 332.5
บ้านกงษีไร่ (หมู่ 6) ซึ้ง ขลุง จันทบุรี 305.5
บ้านหนองปลา เชียงกลาง เชียงกลาง น่าน 303
บ้านหินขาว กะเปอร์ กะเปอร์ ระนอง 289.5
บ้านไหล่ท่า แม่ระมาด แม่ระมาด ตาก 284.5
บ้านสว้านเหนือ ดงพญา บ่อเกลือ น่าน 273.5
บ้านป่าไร่เหนือ พระธาตุ แม่ระมาด ตาก 265
บ้านช่องบอน เขาทะลุ สวี ชุมพร 263
บ้านกองขากหลวง สะเมิงใต้ สะเมิง เชียงใหม่ 260
บ้านคีรีรัตน์ เข็กน้อย เขาค้อ เพชรบูรณ์ 259
บ้านโป่งสอ น้ำกุ่ม นครไทย พิษณุโลก 241
บ้านทบศอก หมอกจำแป่ เมืองแม่ฮ่องสอน แม่ฮ่องสอน 238
บ้านหาดส้มแป้น หาดส้มแป้น เมืองระนอง ระนอง 231.5
อบต.บางปิด บางปิด แหลมงอบ ตราด 230.6
ทต.เกาะช้าง เกาะช้าง เกาะช้าง ตราด 230
บ้านลำเลียง ลำเลียง กระบุรี ระนอง 227.5
บ้านนาหนุน 3 ผาตอ ท่าวังผา น่าน 224.5
วังกระแจะ วังกระแจะ เมืองตราด ตราด 223.2
บ้านห้วยละเบ้ายา สะเนียน เมือง น่าน 222.5
บ้านน้ำไคร้ ยม ท่าวังผา น่าน 221.5
บ้านน้ำกิใต้ ผาทอง ท่าวังผา น่าน 218.5
บ้านห้วยฮ่อมพัฒนา บ้านเวียง ร้องกวาง แพร่ 217.5
บ้านเขานางหงษ์ ปากน้ำ เมืองระนอง ระนอง 213.5
บ้านผาทอง เจาทอง ภักดีชุมพล ชัยภูมิ 211.5
บ้านนาฝ่า จอมพระ ท่าวังผา น่าน 209.5
บ้านทุ่งมะส้าน ห้วยผา เมืองแม่ฮ่องสอน แม่ฮ่องสอน 208.5
อบต.ด่านชุมพล ด่านชุมพล บ่อไร่ ตราด 205.4
บ้านห้วยเย็น ปิงหลวง นาหมื่น น่าน 204
บ้านน้ำปาย น้ำปาย แม่จริม น่าน 202.5
บ้านห้วยหลักลาย อวน ปัว น่าน 200.5
บ้านหาดส้มป่อย แม่สาบ สะเมิง เชียงใหม่ 200
ชุมชนบ้านทับคริสต์ คลองชะอุ่น พนม สุราษฎร์ธานี 197.6
บ้านซับฟาน ยางงาม หนองไผ่ เพชรบูรณ์ 197
บ้านก้อ แม่จริม แม่จริม น่าน 196.5
บ้านขุนฝาง ขุนฝาง เมืองอุตรดิตถ์ อุตรดิตถ์ 192.5
บ้านตะบกเตี้ย ฉมัน มะขาม จันทบุรี 192.5
อบต.บางใหญ่ บางใหญ่ กระบุรี ระนอง 191.4
บ้านห่างทางหลวง ภูฟ้า บ่อเกลือ น่าน 189.5
บ้านผาคอ บ้านปิน ลอง แพร่ 189.5
ทต.หนองเลิง หนองเลิง บึงกาฬ บึงกาฬ 189.4
บ้านกล้อทอ แม่จัน อุ้มผาง ตาก 186.5
บ้านท่าล้อ แงง ปัว น่าน 186.5
บ้านน้ำกุ่ม น้ำกุ่ม นครไทย พิษณุโลก 185.5
บ้านสันนาเคียน น้ำมวบ เวียงสา น่าน 181
บ้านปางแฟน ป่าเมี่ยง ดอยสะเก็ด เชียงใหม่ 181
บ้านในง่วม วังใหม่ เมืองชุมพร ชุมพร 181
รพสต.หมอเมือง หมอเมือง แม่จริม น่าน 180
ทต.บ่อเกลือใต้ บ่อเกลือใต้ บ่อเกลือ น่าน 179.2
บ้านวังประดิษฐ์ เขาค่าย สวี ชุมพร 179
บ้านปางสา ผาทอง ท่าวังผา น่าน 179
บ้านพรุข่า (บ้านด่าน) ละอุ่นใต้ ละอุ่น ระนอง 178
บ้านห้วยพลู ด่านแม่ละเมา แม่สอด ตาก 176
บ้านซับแม็ก หนองน้ำใส วัฒนานคร สระแก้ว 175.5
บ้านพญาไพรเล่ามา เทอดไทย แม่ฟ้าหลวง เชียงราย 173.5
ห้วยแร้ง ห้วยแร้ง เมืองตราด ตราด 173
บ้านงอบเหนือ งอบ ทุ่งช้าง น่าน 172.5
บ้านขุนห้วยแม่สอด พระธาตุผาแดง แม่สอด ตาก 172
บ้านคลองของ ราชกรูด เมืองระนอง ระนอง 171.5
บ้านปางมะโอ ผาช้างน้อย ปง พะเยา 169.5
บ้านปางสา จอมจันทร์ เวียงสา น่าน 166.5
สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทต.เชียงกลาง เชียงกลาง เชียงกลาง น่าน 166.4
บ้านกอก อวน ปัว น่าน 164
บ้านกิ่วกาญจน์ แม่เงิน เชียงแสน เชียงราย 164
อบต.ไม้รูด ไม้รูด คลองใหญ่ ตราด 162.2
สะพานบ้านขุนควร ควร ปง พะเยา 161.8
บ้านโป่งเจ็ดหัว พุทธบาท ชนแดน เพชรบูรณ์ 160.5
บ้านคลองอารักษ์ บังหวาน พะโต๊ะ ชุมพร 160
บ้านบ่อสี่เหลี่ยม ปงเตา งาว ลำปาง 159
โรงเรียนคำอาฮวนศรีสุราษฎร์วิทยา คำอาฮวน เมืองมุกดาหาร มุกดาหาร 158.6
บ้านน้ำต๊ะ น้ำหมัน ท่าปลา อุตรดิตถ์ 158.5
อบต.บึงสามพัน บึงสามพัน บึงสามพัน เพชรบูรณ์ 157.4
บ้านบ่อหลวง บ่อเกลือใต้ บ่อเกลือ น่าน 155.5
บ้านส่องสี ห้วยมุ่น น้ำปาด อุตรดิตถ์ 155.5
บ้านขุนห้วยนกกก แม่หละ ท่าสองยาง ตาก 153
บ้านไมโครเวฟ ห้วยโป่ง เมืองแม่ฮ่องสอน แม่ฮ่องสอน 152.5
อบต.เขาค่าย เขาค่าย สวี ชุมพร 152.2
บ้านน้ำสอด และ ทุ่งช้าง น่าน 152
บ้านลำภี ลำภี ท้ายเหมือง พังงา 152
บ้านฮากฮาน ยาบหัวนา เวียงสา น่าน 150.5
บ้านประจำไม้ หินดาด ทองผาภูมิ กาญจนบุรี 150
บ้านซับเปิป ซับเปิบ วังโป่ง เพชรบูรณ์ 149
หน่วยศึกษาการพัฒนาการอนุรักษ์ต้นน้ำขุนงาว ปงเตา งาว ลำปาง 149
บ้านป่ารวก บ่อโพธิ์ นครไทย พิษณุโลก 148.5
บ้านซับมงคล โป่งนก เทพสถิต ชัยภูมิ 148.5
ทม.วิเชียรบุรี ท่าโรง วิเชียรบุรี เพชรบูรณ์ 148.4
บ้านเจดีย์โคะ มหาวัน แม่สอด ตาก 148
บ้านฝางแล้ง ขุนฝาง เมืองอุตรดิตถ์ อุตรดิตถ์ 148
บ้านบางใหญ่ บางพระเหนือ ละอุ่น ระนอง 147.5
บ้านไร่พัฒนา บ้านไร่ เทพสถิต ชัยภูมิ 147.5
อบต.อ่ายนาไลย อ่ายนาไลย เวียงสา น่าน 147
สะพานน้ำเงิน ออย ปง พะเยา 146.8
หน่วยศึกษาการพัฒนาการอนุรักษ์ต้นน้ำดอยกาด ผาช้างน้อย ปง พะเยา 146.6
บ้านต้นผึ้ง ร่มเย็น เชียงคำ พะเยา 146
บ้านสองพี่น้อง ริมโขง เชียงของ เชียงราย 146
บ้านน้ำพร้า นางพญา ท่าปลา อุตรดิตถ์ 144
บ้านสบขาม ควร ปง พะเยา 143.5
บ้านหนองใหม่ พงษ์ สันติสุข น่าน 143
บ้านน้ำปุก ควร ปง พะเยา 142.5
บ้านหนองผักบุ้ง นายม เมืองเพชรบูรณ์ เพชรบูรณ์ 141.5
บ้านสลักเพชรเหนือ เกาะช้างใต้ เกาะช้าง ตราด 141
บ้านพรรั้ง บางริ้น เมืองระนอง ระนอง 140
บ้านโก๊ะไม้หลู่ ป่าแป๋ แม่สะเรียง แม่ฮ่องสอน 139.5
บ้านดอนชัย แม่ทา แม่ออน เชียงใหม่ 139
บ้านแม่ลานคำ แม่วิน แม่วาง เชียงใหม่ 139
บ้านห้วยธนู ปอ เมือง น่าน 138
บ้านเสียบญวน วังใหม่ เมืองชุมพร ชุมพร 137.5
บ้านปางผักหม งิม ปง พะเยา 137
บ้านแม่แอบ บ้านแซว เชียงแสน เชียงราย 136.5
บ้านขุนตาน ทาปลาดุก แม่ทา ลำพูน 136.5
บ้านถ้ำเวียงแก นาไร่หลวง สองแคว น่าน 136.5
บ้านม่อนหัวฝาย บ้านด่านนาขาม เมืองอุตรดิตถ์ อุตรดิตถ์ 136
บ้านทุ่งทราย เวียง เชียงของ เชียงราย 136
บ้านน้ำต้ม ผาช้างน้อย ปง พะเยา 135.5
บ้านห้วยเอียน หล่ายงาว เวียงแก่น เชียงราย 135
บ้านบางกุ่ม กะปง กะปง พังงา 134
บ้านน้ำปาน ชนแดน สองแคว น่าน 133.5
บ้านอูตูม นาเกียน อมก๋อย เชียงใหม่ 133.5
อบบต.หนองแปน หนองแปน เจริญศิลป์ สกลนคร 133.2
บ้านเปียงซ้อ ขุนน่าน เฉลิมพระเกียรติ น่าน 132.5
บ้านผาหลัก ยอด สองแคว น่าน 132
บ้านกองแหะ โป่งแยง แม่ริม เชียงใหม่ 131.5
บ้านเนินทอง ในวงใต้ ละอุ่น ระนอง 131
ทต.พลิ้ว พลิ้ว แหลมสิงห์ จันทบุรี 131
อบต.หนองหมื่นถ่าน หนองหมื่นถ่าน อาจสามารถ ร้อยเอ็ด 130
บ้านมูเซอป่ากล้วย ห้วยไคร้ แม่สาย เชียงราย 129
บ้านกาญจนา แม่ลาว เชียงคำ พะเยา 129
บ้านสวนพริก ตากแดด เมืองพังงา พังงา 129
อบต.สะตอ สะตอ เขาสมิง ตราด 128.6
บ้านวังสงวน บ่อไทย หนองไผ่ เพชรบูรณ์ 128
อบต.คลองศก คลองศก พนม สุราษฎร์ธานี 126.2
หน่วยศึกษาการพัฒนาการอนุรักษ์ต้นน้ำน้ำงิม ผาช้างน้อย ปง พะเยา 125.8
บ้านไผ่โทน ห้วยโรง ร้องกวาง แพร่ 125
ทต.วังใหม่ วังใหม่ เมืองชุมพร ชุมพร 124.6
บ้านน้ำลี น้ำหมัน ท่าปลา อุตรดิตถ์ 124.5
บ้านโป่งถืบใน เวียง ฝาง เชียงใหม่ 124.5
บ้านน้ำพัน นาไร่หลวง สองแคว น่าน 124.5
บ้านหัวนา นานกกก ลับแล อุตรดิตถ์ 124
บ้านทุ่งโป่งใต้ บ้านปง หางดง เชียงใหม่ 124
อบต.ป่าคา ป่าคา ท่าวังผา น่าน 124
บ้านบางพรวด ลำเลียง กระบุรี ระนอง 123
บ้านนามน เปียงหลวง เวียงแหง เชียงใหม่ 123
อบต.ไล่โว่ ไล่โว่ สังขละบุรี กาญจนบุรี 122.6
บ้านปางแก ทุ่งช้าง ทุ่งช้าง น่าน 122
บ้านเสี้ยวเหนือ เสี้ยว เมืองเลย เลย 122
บ้านสามแยกอินทรีทอง คันธุลี ท่าชนะ สุราษฎร์ธานี 121.5
บ้านดงบัง มหาไชย สมเด็จ กาฬสินธุ์ 121.5
บ้านหัวแม่คำ แม่สลองใน แม่ฟ้าหลวง เชียงราย 121
บ้านงอมถ้ำ ท่าแฝก ท่าปลา อุตรดิตถ์ 121
สะพานน้ำงิม ผาช้างน้อย ปง พะเยา 120.8
บ้านก๊อดยาว แม่ข้าวต้ม เมืองเชียงราย เชียงราย 120.5
ทต.สันกำแพง สันกำแพง สันกำแพง เชียงใหม่ 120.4
บ้านสะพานนาค คลองศก พนม สุราษฎร์ธานี 119.5
หน่วยศึกษาการพัฒนาการอนุรักษ์ต้นน้ำห้วยโล่ง นาแก งาว ลำปาง 119.2
หน่วยศึกษาการพัฒนาการอนุรักษ์ต้นน้ำดอยผาจิ ควร ปง พะเยา 119.2
ทต.ปากน้ำ ปากน้ำ เมืองระนอง ระนอง 119
บ้านสบมาง ภูฟ้า บ่อเกลือ น่าน 119
บ้านปางคอม บ่อเบี้ย บ้านโคก อุตรดิตถ์ 119
อบต.ชนแดน ชนแดน ชนแดน เพชรบูรณ์ 118.8
บ้านหัวตะกร้า บ้านปิน ลอง แพร่ 118.5
บ้านผึ้ง วังยาว ด่านซ้าย เลย 118
บ้านสวนป่าทุ่งเกวียน แม่สัน ห้างฉัตร ลำปาง 118
หน่วยศึกษาการพัฒนาการอนุรักษ์ต้นน้ำน้ำเงิน ผาช้างน้อย ปง พะเยา 117.8
บ้านหลวง แม่งอน ฝาง เชียงใหม่ 117.5
บ้านซำบุ่น ศิลา หล่มเก่า เพชรบูรณ์ 117.5
บ้านแม่ต๋อมใน สันป่าม่วง เมืองพะเยา พะเยา 117.5
บ้านปงถ้ำ วังทอง วังเหนือ ลำปาง 117
อบต.แจ้ซ้อน แจ้ซ้อน เมืองปาน ลำปาง 116.6
บ้านห้วยไผ่ บ่อเบี้ย บ้านโคก อุตรดิตถ์ 116.5
บ้านบางตง นบปริง เมืองพังงา พังงา 116
อบต.เหล่ากอหก เหล่ากอหก นาแห้ว เลย 116
บ้านปางเป๋ย สะเนียน เมือง น่าน 115.5
บ้านคลองพร้าว เกาะช้าง เกาะช้าง ตราด 115
บ้านศรีดอนชัย ป่าแงะ ป่าแดด เชียงราย 115
บ้านปางเปา ขี้เหล็ก แม่แตง เชียงใหม่ 115
บ้านขุนแจ๋ แม่แวน พร้าว เชียงใหม่ 114.5
บ้านวังเป่ง น้ำทูน ท่าลี่ เลย 114.5
บ้านเสรีราษฎร์ ช่องแคบ พบพระ ตาก 114.5
บ้านผาแตก ท่าข้าวเปลือก แม่จัน เชียงราย 114
บ้านจำปุย บังหวาน พะโต๊ะ ชุมพร 113.5
บ้านกิ่วเคียน จริม ท่าปลา อุตรดิตถ์ 113
บ้านยางครก ยางเปียง อมก๋อย เชียงใหม่ 113
บ้านห้วยผึ้ง ห้วยผา เมืองแม่ฮ่องสอน แม่ฮ่องสอน 113
บ้านปากกลาย ป่าแดง เมืองแพร่ แพร่ 112.5
บ้านดอกแดง บางสวรรค์ พระแสง สุราษฎร์ธานี 112.5
บ้านเกี๋ยงพา ต้าผามอก ลอง แพร่ 112.5
บ้านเขาแงน นาขา หลังสวน ชุมพร 112
บ้านห้วยใหญ่ ช่องไม้แก้ว ทุ่งตะโก ชุมพร 112
บ้านขุนต้า ต้า ขุนตาล เชียงราย 112
บ้านหนองบอน หนองบอน บ่อไร่ ตราด 112
บ้านปางยาง บ้านปง หางดง เชียงใหม่ 111.5
อบต.บางวัน บางวัน คุระบุรี พังงา 111.4
โรงเรียนบ้านช้างเชื่อ เหล กะปง พังงา 110.8
บ้านห้วยอ้อย ด่านซ้าย ด่านซ้าย เลย 110.5
อบต.สบแม่ข่า สบแม่ข่า หางดง เชียงใหม่ 110.2
บ้านกาใส สะเนียน เมือง น่าน 110.2
บ้านเอียด สบเปิง แม่แตง เชียงใหม่ 110
บ้านโป่งไฮ แม่สาว แม่อาย เชียงใหม่ 110
บ้านสบสา ร่มเย็น เชียงคำ พะเยา 110
บ้านลาน ม่อนปิ่น ฝาง เชียงใหม่ 109.5
บ้านผาฮี้ (อาข่า) โป่งงาม แม่สาย เชียงราย 109.5
บ้านผาตั้ง ปอ เวียงแก่น เชียงราย 109.5
บ้านหนองตำเสา วิสัยเหนือ เมืองชุมพร ชุมพร 109.5
บ้านหมอกจำแป๋ หมอกจำแป่ เมืองแม่ฮ่องสอน แม่ฮ่องสอน 109
บ้านโจะโหวะเหนือ บ้านเนิน หล่มเก่า เพชรบูรณ์ 109
บ้านหลู้ ม่วงยาย เวียงแก่น เชียงราย 109
ทต.ปง ปง ปง พะเยา 108.8
บ้านผาหมี เวียงพางคำ แม่สาย เชียงราย 108.5
บ้านทับขอน ปากทรง พะโต๊ะ ชุมพร 108.5
บ้านน้ำมีด เปือ เชียงกลาง น่าน 108
บ้านน้ำลาว แม่ลาว เชียงคำ พะเยา 108
บ้านบางยิงวัว เขาต่อ ปลายพระยา กระบี่ 108
อบต.นาน้อย นาน้อย นาน้อย น่าน 107.8
หน่วยศึกษาการพัฒนาการอนุรักษ์ต้นน้ำแม่ปุง บ้านปิน ดอกคำใต้ พะเยา 107.8
บ้านใหม่เจริญไพร ฝายกวาง เชียงคำ พะเยา 107.5
บ้านด่าน บ้านด่าน อรัญประเทศ สระแก้ว 107.5
บ้านปางตอง แม่อูคอ ขุนยวม แม่ฮ่องสอน 107
บ้านแม่แสะ ป่าแป๋ แม่แตง เชียงใหม่ 107
บ้านปางกล้วยค้าว ป่าหุ่ง พาน เชียงราย 107
บ้านน้ำริน สบป่อง ปางมะผ้า แม่ฮ่องสอน 106
ทต.หนองบอน หนองบอน บ่อไร่ ตราด 105.6
บ้านนาป่าแปก หมอกจำแป่ เมืองแม่ฮ่องสอน แม่ฮ่องสอน 105.5
บ้านวังลาว เวียง เชียงแสน เชียงราย 105
ศูนย์อปพร. ทต.บ้านธิ บ้านธิ บ้านธิ ลำพูน 104.6
บ้านแม่จอก แม่เกิ๋ง วังชิ้น แพร่ 104.5
บ้านหน้าเหมน ช้างกลาง ช้างกลาง นครศรีธรรมราช 104.5
หน่วยศึกษาการพัฒนาการอนุรักษ์ต้นน้ำน้ำพี้ บ้านพี้ บ้านหลวง น่าน 103.6
บ้านขุนกำลัง ควร ปง พะเยา 103.5
ที่ทำการอุทยานฯเขาใหญ่ นาหินลาด ปากพลี นครนายก 103
บ้านช่องไม้ดำ คลองหิน อ่าวลึก กระบี่ 103
ทต.เวียงพางคำ เวียงพางคำ แม่สาย เชียงราย 102.8
สะพานน้ำแม่ต้า ต้าผามอก ลอง แพร่ 102.6
อบต.ร้องกวาง ร้องกวาง ร้องกวาง แพร่ 102.6
บ้านโป่ง โป่ง ด่านซ้าย เลย 102.5
บ้านช้างเชื่อ เหมาะ กะปง พังงา 102.5
บ้านท่าข้าม แม่ทา แม่ออน เชียงใหม่ 102
บ้านขุนคอง เมืองแหง เวียงแหง เชียงใหม่ 102
คลองนางน้อย นาโยงใต้ เมืองตรัง ตรัง 101.8
บ้านแม่ระมาดน้อย ขะเนจื้อ แม่ระมาด ตาก 101.5
บ้านห้วยส้าน ศรีค้ำ แม่จัน เชียงราย 101.5
บ้านร่มโพธิ์เงิน ปอ เวียงแก่น เชียงราย 101.5
บ้านป่าเวียง ทุ่งกว๋าว เมืองปาน ลำปาง 101.5
บ้านลุง ศรีดอนชัย เชียงของ เชียงราย 101.5
บ้านโคนป่าหิน แม่ปาน ลอง แพร่ 100.5
หมายเหตุ : รายงานเฉพาะปริมาณฝนสะสมที่ตรวจวัดได้เกิน 100 มิลลิเมตร
ข้อมูลเพิ่มเติม : http://watersituation.thaiwater.net/v1/public/report





 ข้อมูลโดย : NARVAL, GSMaP

                    จากแผนภาพแสดงปริมาณฝนสะสมรายวันจากสถาบันวิจัยทหารเรืออเมริกา (NARVAL) พบว่าอิทธิพลจากพายุ "เซินติญ" (SON-TINH) รวมทั้งร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม นอกจากนี้อิทธิพลของพายุยังส่งผลทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลทำให้เกิดฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค. 61 โดยเริ่มจากทางด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลังจากนั้นกลุ่มฝนเริ่มขยายปกคลุมเกือบทุกพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและในบางพื้นที่ของภาคเหนือในช่วงวันที่ 16-22 ก.ค. 61 และในช่วงวันที่ 26-30 ก.ค. 61 หลังจากนั้นประเทศไทยตอนบนกลับมามีฝนตกหนักอีกครั้งในช่วงวันที่ 5-9 ส.ค. 61 โดยเฉพาะบริเวณด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ตอนบน


14/07/61

15/07/61

16/07/61

17/07/61

18/07/61

19/07/61

20/07/61

21/07/61

22/07/61

23/07/61

24/07/61
No data

26/07/61

27/07/61

28/07/61

29/07/61

30/07/61

31/07/61

01/08/61

02/08/61

03/08/61

04/08/61

05/08/61

06/08/61

07/08/61

08/08/61

09/08/61

mm.
ข้อมูลเพิ่มเติม: http://www.thaiwater.net/DATA/REPORT/php/show_ssta.php



                    แผนภาพแสดงข้อมูลปริมาณฝนสะสมรายวันจากดาวเทียม GSMaP แสดงให้เห็นว่าอิทธิพลของพายุโซนร้อน "เซินติญ" (SON-TINH) และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมบริเวณประเทศไทยในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม ส่งผลให้มีฝนตกหนักในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือตอนบน และในบางพื้นที่ของภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน โดยกลุ่มฝนได้เคลื่อนตัวเข้าทางตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณจังหวัดหนองคาย นครพนม และสกลนคร ในวันที่ 14 ก.ค. 61 และแผ่ขขยายครอบคลุมไปถึงตอนกลางของภาคในช่วงวันที่ 16-18 ก.ค. 61 หลังจากนั้นได้เคลื่อนตัวขึ้นสู่ตอนล่างของภาคในช่วงวันที่ 24-30 ก.ค. 61 นอกจากนี้อิทธิพลดังกล่าวยังส่งผลโดยอ้อมทำให้มีฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ตอนบนในช่วงวันที่ 5-9 ส.ค. 61


14/07/61

15/07/61

16/07/61

17/07/61

18/07/61

19/07/61

20/07/61

21/07/61

22/07/61

23/07/61

24/07/61

25/07/61

26/07/61

27/07/61

28/07/61

29/07/61

30/07/61

31/07/61

01/08/61

02/08/61

03/08/61

04/08/61

05/08/61

06/08/61

07/08/61

08/08/61

09/08/61





 ข้อมูลโดย : สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน)

                    จากรายงานการส่ง SMS เพื่อเตือนภัยปริมาณฝนช่วงวันที่ 14 ก.ค. - 9 ส.ค. 61 พบว่า มีการเตือนภัยพายุ เขื่อน และปริมาณฝนในบริเวณที่เกิดฝนตกหนักทั้งในระดับการเฝ้าระวังสูงสุดและระดับวิกฤต จำนวนทั้งสิ้น 79 ครั้ง โดยมีการเตือนภัยในระดับเฝ้าระวังสูงสุด จำนวน 50 ครั้ง ระดับวิกฤต 29 ครั้ง และหากแบ่งตามประเภทข้อมูล มีการเตือนภัยพายุที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย จำนวน 4 ครั้ง เตือนภัยปริมาณน้ำในเขื่อน 8 ครั้ง และเตือนภัยปริมาณฝน 67 ครั้ง รายละเอียดดังกราฟและตารางด้านล่าง


วันที่ เวลา ช่วงเวลาฝนสะสม ตำบล/สถานี จังหวัด ปริมาณฝน (มม.) ระดับการเตือนภัย
14/7/61 7:00:00 ฝน3วัน ต.ป่าคา จ.น่าน 110.2 เฝ้าระวังสูงสุด
15/7/61 14:00:00 ฝน13-14น. ต.ทับกวาง จ.สระบุรี 145.2 วิกฤต
14:00:00 ฝน07-14น. ต.ทับกวาง จ.สระบุรี 145.8 วิกฤต
16/7/61 9:00:00 ฝนวานนี้ นครพนม จ.นครพนม 169.3 วิกฤต
9:00:00 ฝนวานนี้ นครพนม สกษ. จ.นครพนม 117.5 วิกฤต
17/7/61 3:00:00 ฝน16/07-17/03น. ต.ไม้รูด จ.ตราด 104.2 เฝ้าระวังสูงสุด
5:00:00 ฝน16/07-17/05น. ต.บางปิด จ.ตราด 114.4 เฝ้าระวังสูงสุด
6:00:00 ฝน16/07-17/06น. ต.ไม้รูด จ.ตราด 176.6 วิกฤต
7:00:00 ฝน06-07น. ต.อ่ายนาไลย จ.น่าน 26.6 เฝ้าระวังสูงสุด
7:00:00 ฝน3วัน ต.ไม้รูด จ.ตราด 291.8 วิกฤต
9:00:00 ฝนวานนี้ ตราด (คลองใหญ่) จ.ตราด 195.5 วิกฤต
9:00:00 ฝนวานนี้ นครพนม จ.นครพนม 184.8 วิกฤต
9:00:00 ฝนวานนี้ มุกดาหาร จ.มุกดาหาร 121 วิกฤต
9:00:00 ฝนวานนี้ นครพนม สกษ. จ.นครพนม 183.7 วิกฤต
16:00:00 ฝน07-16น. ต.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ 70.8 เฝ้าระวังสูงสุด
18:00:00 ฝน17-18น. ต.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ 38.6 เฝ้าระวังสูงสุด
19:00:00 ฝน07-19น. ต.บางใหญ่ จ.ระนอง 96.2 เฝ้าระวังสูงสุด
18/7/61 0:00:00 ฝน17/07-18/00น. ต.บางใหญ่ จ.ระนอง 103.4 เฝ้าระวังสูงสุด
0:00:00 ฝน23-00น. ต.อ่ายนาไลย จ.น่าน 26.2 เฝ้าระวังสูงสุด
0:00:00 ฝน17/07-18/00น. ต.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ 77.8 เฝ้าระวังสูงสุด
0:00:00 ฝน17/07-18/00น. ต.ไม้รูด จ.ตราด 284 วิกฤต
7:00:00 ฝน3วัน ต.บางปิด จ.ตราด 198.8 เฝ้าระวังสูงสุด
7:00:00 ฝน3วัน ต.ไม้รูด จ.ตราด 519.8 วิกฤต
9:00:00 ฝนวานนี้ บัวชุม จ.ลพบุรี 73.4 เฝ้าระวังสูงสุด
9:00:00 ฝนวานนี้ เลย จ.เลย 101.2 เฝ้าระวังสูงสุด
9:00:00 ฝนวานนี้ วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ 93.4 เฝ้าระวังสูงสุด
9:00:00 ฝนวานนี้ สระแก้ว จ.สระแก้ว 105.1 เฝ้าระวังสูงสุด
9:00:00 ฝนวานนี้ ตราด (คลองใหญ่) จ.ตราด 272.4 วิกฤต
9:00:00 ฝนวานนี้ เลย สกษ. จ.เลย 104.6 เฝ้าระวังสูงสุด
9:00:00 ฝนวานนี้ พลิ้ว สกษ. จ.จันทบุรี 107.3 เฝ้าระวังสูงสุด
17:00:00 Tropical Storm SON-TINH is 216 km. toward Thailand. เฝ้าระวังสูงสุด
19/7/61 3:00:00 Tropical Storm SON-TINH is hitting Thailand. วิกฤต
7:00:00 ฝน3วัน ต.ไม้รูด จ.ตราด 537.4 วิกฤต
7:00:00 ฝน3วัน ต.เกาะช้าง จ.ตราด 197.4 เฝ้าระวังสูงสุด
7:00:00 ฝน3วัน ต.บางปิด จ.ตราด 199 เฝ้าระวังสูงสุด
20/7/61 1:00:00 ฝน19/07-20/01น. ต.หนองเลิง จ.บึงกาฬ 93.6 เฝ้าระวังสูงสุด
7:00:00 ฝน3วัน ต.ไม้รูด จ.ตราด 356.8 วิกฤต
7:00:00 ฝน3วัน ต.เชียงกลาง จ.น่าน 96.4 เฝ้าระวังสูงสุด
10:00:00 เขื่อนแก่งกระจานเพิ่มเป็นวิกฤต 82% วิกฤต
10:00:00 เขื่อนปราณบุรีลดเป็นเฝ้าระวังพิเศษ 81% เฝ้าระวังสูงสุด
21/7/61 12:00:00 เขื่อนปราณบุรีเพิ่มเป็นวิกฤต 83% วิกฤต
22:00:00 Tropical Depression SON-TINH is 54 km. toward Thailand. เฝ้าระวังสูงสุด
22/7/61 1:00:00 ฝน21/07-22/01น. ต.ปากน้ำ จ.ระนอง 140.4 เฝ้าระวังสูงสุด
1:00:00 ฝน00-01น. ต.ปากน้ำ จ.ระนอง 137.2 วิกฤต
3:00:00 ฝน21/07-22/03น. ต.ปากน้ำ จ.ระนอง 202.8 วิกฤต
5:00:00 ฝน21/07-22/05น. ต.บ่อเกลือใต้ จ.น่าน 75.4 เฝ้าระวังสูงสุด
6:00:00 ฝน21/07-22/06น. ต.หมอเมือง จ.น่าน 67.2 เฝ้าระวังสูงสุด
7:00:00 ฝน3วัน ต.ปากน้ำ จ.ระนอง 298.6 วิกฤต
7:00:00 ฝน3วัน ต.บ่อเกลือใต้ จ.น่าน 163.8 วิกฤต
7:00:00 ฝน3วัน ต.เชียงกลาง จ.น่าน 114.8 เฝ้าระวังสูงสุด
7:00:00 ฝน3วัน ต.ป่าคา จ.น่าน 98.8 เฝ้าระวังสูงสุด
17:00:00 Tropical Storm SON-TINH is 248 km. toward Thailand. เฝ้าระวังสูงสุด
19:00:00 ฝน18-19น. ต.หนองม่วงไข่ จ.แพร่ 31.4 เฝ้าระวังสูงสุด
23/7/61 7:00:00 ฝน3วัน ต.บ่อเกลือใต้ จ.น่าน 111.6 เฝ้าระวังสูงสุด
10:00:00 เขื่อนปราณบุรีลดเป็นเฝ้าระวังพิเศษ 85% เฝ้าระวังสูงสุด
24/7/61 7:00:00 ฝน3วัน ต.หมอเมือง จ.น่าน 103 เฝ้าระวังสูงสุด
10:00:00 เขื่อนแก่งกระจานลดเป็นเฝ้าระวังพิเศษ 87% เฝ้าระวังสูงสุด
26/7/61 18:00:00 ฝน17-18น. ต.ร้องกวาง จ.แพร่ 41.4 วิกฤต
28/7/61 7:00:00 ฝน3วัน ต.ศรีบุญเรือง จ.มุกดาหาร 156.8 เฝ้าระวังสูงสุด
9:00:00 ฝนวานนี้ แม่สอด จ.ตาก 98.4 เฝ้าระวังสูงสุด
29/7/61 11:00:00 เขื่อนแก่งกระจานเพิ่มเป็นวิกฤต 91% วิกฤต
30/7/61 9:00:00 ฝนวานนี้ มุกดาหาร จ.มุกดาหาร 90.2 เฝ้าระวังสูงสุด
9:00:00 ฝนวานนี้ ระนอง จ.ระนอง 121 เฝ้าระวังสูงสุด
13:00:00 เขื่อนน้ำอูน เพิ่มเป็นวิกฤต88% วิกฤต
31/7/61 9:00:00 ฝนวานนี้ ตะกั่วป่า จ.พังงา 100.5 เฝ้าระวังสูงสุด
2/8/61 19:00:00 ฝน18-19น. ต.ขนงพระ จ.นครราชสีมา 61 วิกฤต
3/8/61 1:00:00 ฝน02/07-03/01น. ต.ขนงพระ จ.นครราชสีมา 90.2 เฝ้าระวังสูงสุด
23:00:00 ฝน07-23น. ต.ป่าคา จ.น่าน 71.8 เฝ้าระวังสูงสุด
4/8/61 0:00:00 ฝน03/07-04/00น. ต.ป่าคา จ.น่าน 72 เฝ้าระวังสูงสุด
0:00:00 ฝน03/07-04/00น. ต.นาไร่หลวง จ.น่าน 84.2 วิกฤต
2:00:00 ฝน03/07-04/02น. ต.บ่อเกลือใต้ จ.น่าน 73.2 เฝ้าระวังสูงสุด
7:00:00 ฝน3วัน ต.บ่อเกลือใต้ จ.น่าน 101 เฝ้าระวังสูงสุด
6/8/61 7:00:00 ฝน3วัน ต.นาไร่หลวง จ.น่าน 97.2 เฝ้าระวังสูงสุด
7/8/61 22:00:00 ฝน21-22น. ต.วังชิ้น จ.แพร่ 38.4 วิกฤต
8/8/61 9:00:00 ฝนวานนี้ ตราด (คลองใหญ่) จ.ตราด 113.3 เฝ้าระวังสูงสุด
9:00:00 ฝนวานนี้ ระนอง จ.ระนอง 125.5 เฝ้าระวังสูงสุด
9:00:00 ฝนวานนี้ ตะกั่วป่า จ.พังงา 104.7 เฝ้าระวังสูงสุด
9/8/61 9:00:00 ฝนวานนี้ มุกดาหาร จ.มุกดาหาร 90.2 เฝ้าระวังสูงสุด
9/8/61 10:00:00 เขื่อนปราณบุรีเพิ่มเป็นวิกฤต 82% วิกฤต





 ข้อมูลโดย : กรมชลประทาน / การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

                    อิทธิพลจากพายุโซนร้อน "เซินติญ" (SON-TINH) ที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ประเทศไทย และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ส่งผลทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะบริเวณตอนบนของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ตอนบน รวมทั้งยังทำให้น้ำไหลลงเขื่อนขนาดใหญ่ในพื้นที่มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น โดยเขื่อนน้ำอูน จังหวัดสกลนคร และเขื่อนน้ำแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เกิดสถานการณ์น้ำล้นเขื่อนไหลออกผ่านทางระบายน้ำล้น (Spillway) ซึ่งเขื่อนน้ำอูนมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินเกณฑ์ควบคุมตัวบนในวันที่ 16 ก.ค. 61 หลังจากนั้นปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเกินระดับกักเก็บปกติ และเกิดสถานการณ์น้ำล้นเขื่อนตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค. 61 เนื่องจากมีปริมาณน้ำไหลเข้ามาสูงถึง 32 ล้านลูกบาศก์เมตร และเกิดสถานการณ์ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 26 กันยายน 2561 หลังจากนั้นสถานการณ์จึงเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ รวมระยะเวลาที่น้ำเกินระดับกักเก็บปกติทั้งสิ้น 56 วัน ส่วนเขื่อนแก่งกระจานมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินเกณฑ์ควบคุมตัวบนในวันที่ 19 ก.ค. 61 เพียงวันเดียวมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯ สูงถึง 159.89 ลบ.ม. ซึ่งถือเป็นปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนรายวันที่สูงที่สุดของเขื่อนแก่งกระจานตั้งแต่มีการสร้างเขื่อนมา หลังจากนั้นปริมาณน้ำได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเกินระดับกักเก็บปกติ จนเกิดสถานการณ์น้ำล้นตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. 61 และเกิดสถานการณ์ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 13 กันยายน 2561 หลังจากนั้นสถานการณ์จึงเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ รวมระยะเวลาที่น้ำเกินระดับกักเก็บปกติทั้งสิ้น 39 วัน
                    สำหรับสถานการณ์น้ำไหลลงเขื่อนรวมตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค. 61 - 9 ส.ค. 61 พบว่าเขื่อนที่มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนมากที่สุดได้แก่ เขื่อนวชิราลงกรณ ซึ่งมีน้ำไหลลงเขื่อนรวม 2,770 ล้านลูกบาศก์เมตร และ
มีน้ำไหลลงเขื่อนสูงสุด 203 ล้านลูกบาศก์เมตร ในวันที่ 21 ก.ค. 61 รองลงมาคือ เขื่อนศรีนครินทร์ ที่มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนรวม 1,275 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากมีฝนตกหนักในลุ่มน้ำด้านเหนืออย่างต่อเนื่อง
                    จากสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ปริมาณน้ำกักเก็บของเขื่อนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และเขื่อนทางด้านตะวันตกของประเทศเพิ่มขึ้นมาก โดยเขื่อนลำปาวเพิ่มขึ้นเป็น 60% จากเดิม 38% เขื่อนน้ำอูนเพิ่มขึ้นเป็น 103% จากเดิม 69% เขื่อนน้ำพุงเพิ่มขึ้นเป็น 63% จากเดิมเพียง 29% เขื่อนศรีนครินทร์เพิ่มขึ้นเป็น 87% จากเดิม 82% เขื่อนวชิราลงกรณเพิ่มขึ้นเป็น 85% จากเดิม 62% เขื่อนแก่งกระจานเพิ่มขึ้นเป็น 104% จากเดิม 56% เขื่อนปราณบุรีเพิ่มขึ้นเป็น 82% จากเดิม 69% และเขื่อนรัชชประภาเพิ่มขึ้นเป็น 80% จากเดิม 73% รายละเอียดเพิ่มเติมดังกราฟและตารางด้านล่าง



อ่างเก็บน้ำ ปริมาณน้ำกักเก็บ
14/7/2561
ปริมาณน้ำกักเก็บ
9/8/2561
เพิ่มขึ้น/ลดลง ปริมาณน้ำไหลเข้า
สูงสุดรายวัน
ปริมาณน้ำไหลเข้ารวม
ช่วงวันที่ 14 ก.ค. - 9 ส.ค. 61
ปริมาณน้ำระบายรวม
ช่วงวันที่ 14 ก.ค. - 9 ส.ค. 61
ปริมาณน้ำ % ปริมาณน้ำ % ปริมาณน้ำ % ปริมาณน้ำ วันที่
เขื่อนลำปาว      761 38 1,196 60 +435 22 73 31 ก.ค. 61 678.72 243.82
เขื่อนลำตะคอง      205 65 210 67 +5 2 2 7 ก.ค. 61 15.57 8.68
เขื่อนน้ำอูน      356 69 534 103 +178 34 32 1 ส.ค. 61 235.91 59.51
เขื่อนสิรินธร      945 48 1,074 55 +129 7 58 1 ส.ค. 61 400.11 253.96
เขื่อนจุฬาภรณ์      84 51 103 63 +19 12 18 19 ก.ค. 61 82.96 79.63
เขื่อนน้ำพุง      48 29 105 63 +57 34 16 28 ก.ค. 61 73.00 15.21
เขื่อนศรีนครินทร์      14,489 82 15,461 87 +972 5 68 22 ก.ค. 61 1,274.53 260.93
เขื่อนวชิราลงกรณ      5,468 62 7,537 85 +2,069 23 203 21 ก.ค. 61 2,769.67 682.48
เขื่อนแก่งกระจาน      399 56 737 104 +338 48 160 20 ก.ค. 61 537.02 200.67
เขื่อนปราณบุรี      270 69 319 82 +49 13 19 19 ก.ค. 61 183.21 162.45
เขื่อนรัชชประภา      4,135 73 4,534 80 +399 7 73 9 ส.ค. 61 678.67 268.17

ปริมาณน้ำกักเก็บอ่างเก็บน้ำ เขื่อนลำปาว

ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ เขื่อนลำปาว

ปริมาณน้ำกักเก็บอ่างเก็บน้ำ เขื่อนลำตะคอง

ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ เขื่อนลำตะคอง

ปริมาณน้ำกักเก็บอ่างเก็บน้ำ เขื่อนน้ำอูน

ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ เขื่อนน้ำอูน

ปริมาณน้ำกักเก็บอ่างเก็บน้ำ เขื่อนสิรินธร

ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ เขื่อนสิรินธร

ปริมาณน้ำกักเก็บอ่างเก็บน้ำ เขื่อนจุฬาภรณ์

ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ เขื่อนจุฬาภรณ์

ปริมาณน้ำกักเก็บอ่างเก็บน้ำ เขื่อนน้ำพุง

ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ เขื่อนน้ำพุง

ปริมาณน้ำกักเก็บอ่างเก็บน้ำ เขื่อนศรีนครินทร์
ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ เขื่อนศรีนครินทร์
ปริมาณน้ำกักเก็บอ่างเก็บน้ำ เขื่อนวชิราลงกรณ

ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ เขื่อนวชิราลงกรณ

ปริมาณน้ำกักเก็บอ่างเก็บน้ำ เขื่อนแก่งกระจาน

ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ เขื่อนแก่งกระจาน

ปริมาณน้ำกักเก็บอ่างเก็บน้ำ เขื่อนปราณบุรี

ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ เขื่อนปราณบุรี

ปริมาณน้ำกักเก็บอ่างเก็บน้ำ เขื่อนรัชชประภา

ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ เขื่อนรัชชประภา

ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.thaiwater.net/DATA/REPORT/php/rid_bigcm.html





 ข้อมูลโดย : สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน)

                    ช่วงเวลาตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม 2561 ประเทศไทยเกิดสถานการณ์ฝนตกหนักจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน "เซินติญ" (SON-TINH) ที่ส่งผลกระทบกับประเทศไทยในช่วงเวลาดังกล่าว ประกอบกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องและเกิดน้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือและตอนบนของภาคเหนือ รวมไปถึงในบางพื้นที่ของภาคใต้ด้านฝั่งตะวันตกและภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พิจิตร พะเยา นครสวรรค์ แพร่ ลำปาง น่าน เพชรบูรณ์ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ตาก กาญจนบุรี อำนาจเจริญ กาฬสินธุ์ นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี บึงกาฬ สกลนคร ร้อยเอ็ด ยโสธร เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง และตราด และเกิดน้ำล้นตลิ่งบริเวณลำน้ำยัง จังหวัดยโสธร ลำเซบาย จังหวัดยโสธร แม่น้ำสงคราม จังหวัดสกลนคร แม่น้ำน่าน บริเวณจังหวัดน่าน แพร่ และนครสวรรค์ แม่น้ำป่าสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ แม่น้ำยม จังหวัดแพร่ คลองสวี จังหวัดชุมพร แม่น้ำตาปี จังหวัดสุราษฎร์ธานี และคลองพระปรง จังหวัดสระแก้ว รายละเอียดเพิ่มเติมดังกราฟด้านล่าง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

สถานี CHI014 - ต.เดิด อ.เมืองยโสธร จ.ยโสธร

สถานี MUN016 - ต.เชียงเพ็ง อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร

สถานี SKM003 - ต.ห้วยหลัว อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร

ภาคเหนือ

สถานี NAN008 - ต.เกยไชย อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์

สถานี NAN003 - ต.ท่าน้าว อ.ภูเพียง จ.น่าน

สถานี NAN009 - ต.ส้าน อ.เวียงสา จ.น่าน

สถานี PAS001 - ต.หล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์

สถานี PAS002 - ต.สะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์

สถานี DNP024 - ต.ไผ่โทน อ.ร้องกวาง จ.แพร่
 

ภาคใต้

สถานี SVI001 - ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร

สถานี TPI005 - ต.ทุ่งหลวง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี

สถานี TPI006 - ต.ไทรขึง อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี

ภาคตะวันออก

สถานี SKE001 - ต.ศาลาลำดวน อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว

ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.thaiwater.net/v3/telemetering/wl/warning




ข้อมูลโดย : สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)

                    ดาวเทียม COSMO-SkyMed (COSMO 1-4) และ RADARSAT-2 ได้บันทึกภาพบริเวณประเทศไทย  ช่วงวันที่ 28 ก.ค. - 9 ส.ค. 61 ซึ่งจากการวิเคราะห์ภาพจากดาวเทียมพบพื้นที่ถูกน้ำท่วมทั้งสิ้น 12 จังหวัด ประกอบด้วย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณจังหวัดกาฬสินธุ์ ยโสธร ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ อุบลราชธานี บึงกาฬ สกลนคร ร้อยเอ็ด นครพนม มุกดาหาร ส่วนภาคใต้พบพื้นที่น้ำท่วมขังบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมฝั่งแม่น้ำเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี รายละเอียดเพิ่มเติมดังแผนที่ด้านล่าง

รายงานการติดตามพื้นที่น้ำท่วมปี 2561 โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม COSMO-SkyMed-2 บันทึกข้อมูลเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2561 เวลา 17.45 น. พบพื้นที่น้ำท่วมบริเวณจังหวัดร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ยโสธร ศรีสะเกษ สุรินทร์ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

รายละเอียดเพิ่มเติม
รายงานการติดตามพื้นที่น้ำท่วมปี 2561 โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม COSMO-SkyMed-1 บันทึกภาพวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 เวลา 05.52 น. พบพื้นที่น้ำท่วมในจังหวัดสกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

รายละเอียดเพิ่มเติม

รายงานการติดตามพื้นที่น้ำท่วมปี 2561 โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม COSMO-SkyMed-4 บันทึกภาพวันที่ 1 สิงหาาคม 2561 เวลา 17.45 น. พบพื้นที่น้ำท่วมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

รายละเอียดเพิ่มเติม
รายงานการติดตามพื้นที่น้ำท่วมปี 2561 โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม COSMO-SkyMed-2 บันทึกภาพวันที่ 3 สิงหาคม 2561 เวลา 05.57 น. พบพื้นที่น้ำท่วมบริเวณบางส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

รายละเอียดเพิ่มเติม
รายงานการติดตามพื้นที่น้ำท่วมปี 2561 โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม COSMO-SkyMed-4 บันทึกภาพวันที่ 7 สิงหาคม 2561 เวลา 06.58 น. พบพื้นที่น้ำท่วมในจังหวัดบึงกาฬ สกลนคร ร้อยเอ็ด ยโสธร และนครพนม

รายละเอียดเพิ่มเติม
รายงานการติดตามพื้นที่น้ำท่วมปี 2561 โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม Radarsat-2 บันทึกภาพวันที่ 8 สิงหาคม 2561 เวลา 18.12 น. พบพื้นที่น้ำท่วมบริเวณบางส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

รายละเอียดเพิ่มเติม
รายงานการติดตามพื้นที่น้ำท่วมปี 2561 โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม COSMO-SkyMed-3 บันทึกภาพวันที่ 9 สิงหาคม 2561 เวลา 17.53 น. พบพื้นที่น้ำท่วมขังบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมฝั่งแม่น้ำเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี

รายละเอียดเพิ่มเติม
   

 

 

 ข้อมูลโดย : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

                    รายงานสถานการณ์สาธารณภัยของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประจำวันที่ 18 สิงหาคม 2561 เวลา 07.00 น. ได้รายงานสถานการณ์อุทกภัย จากอิทธิพลพายุโซนร้อน "เซินติญ" (SON-TINH) และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค. - 18 ส.ค. 61 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินถล่ม ในพื้นที่ 32 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แม่ฮ่องสอน พิจิตร ลำปาง น่าน นครสวรรค์ แพร่ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ตาก กาญจนบุรี นครนายก อำนาจเจริญ กาฬสินธุ์ นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี บึงกาฬ สกลนคร ร้อยเอ็ด ยโสธร หนองคาย เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง พังงา สุราษฎร์ธานี ชุมพร และตราด รวม 109 อำเภอ 405 ตำบล 2,350 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 51,161 ครัวเรือน 149,831 คน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ได้แก่ จังหวัดสกลนคร 1 ราย และชุมพร 1 ราย สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 26 จังหวัด
                    
ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครพนม อุบลราชธานี บึงกาฬ กาฬสินธุ์ ยโสธร และเพชรบุรี รวม 31 อำเภอ 174 ตำบล 1,286 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกรทบ 25,258 ครัวเรือน 74,062 คน ดังนี้
                    1) จังหวัดนครพนม จากสถานการณ์ฝนตกหนักและน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 12 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเมืองนครพนม เรณูนคร ปลาปาก อุเทน โพนสวรรค์ ธาตุพนม บ้านแพง นาแก วังยาง ศรีสงครม นาหว้า และนาทม รวมทั้งสิ้น 94 ตำบล 908 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 17,454 ครัวเรือน 51,080 คน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 29 หลัง วัด 2 แห่ง ถนน 104 จุด ฝาย 8 แห่ง พื้นที่ทางการเกษตรคาดว่าจะได้รับผลกระทบ 179,704 ไร่ ประมง 248 บ่อ ปศุสัตว์ 120 ตัว พื้นที่ อำเภอศรีสงคราม มีอพยพ 4 ครัวเรือน 25 คน โดยไปอยู่ที่ศาลาเอนกประสงค์ บ้านปากอูน หมู่ที่ 4 ตำบลศรีสงคราม
                    2) จังหวัดอุบลราชธานี จากสถานการณ์ฝนตกหนักทำให้น้ำในแม่น้ำโขงล้นตลิ่งในพื้นที่ 9 อำเภอ 37 ตำบล 208 หมู่บ้าน ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ 1 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเขื่องใน รวมทั้งสิ้น 10 ตำบล 56 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 512 ครัวเรือน 1,945 คน พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะได้รับผลกระทบ 15,385 ไร่
                    3) จังหวัดบึงกาฬ จากสถานการณ์ฝนตกหนักทำให้น้ำในแม่น้ำโขงล้นตลิ่งในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองบึงกาฬ บุ่งคล้า โซ่พิสัย ปากคาด และศรีวิไล รวมทั้งสิ้น 23 ตำพล 126 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,604 ครัวเรือน 8,736 คน พื้นที่เกษตรคาดว่าจะได้รับผลกระทบ 14,112 ไร่ บ่อปลา 364 ไร่
                    4) กาฬสินธุ์ จากสถานการณ์ฝนตกหนักทำให้น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ กมลาไสย ฆ้องชัย ดอนจาน และร่องคำ รวมทั้งสิ้น 7 ตำบล 71 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 833 ครัวเรือน 1,588 คน
                    5) จังหวัดยโสธร จากสถานการณ์ฝนตกหนักทำให้น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองยโสธร ไทยเจริญ ป่าติ้ว กุดชุม และคำเขื่อนแก้ว รวมทั้งสิ้น 24 ตำบล 105 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,451 ครัวเรือน 8,972 คน
                    6) จังหวัดเพชรบุรี จากสถานการณ์ฝนตกหนักทำให้น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแก่งกระจาน ท่ายาง และบ้านลาด รวมทั้งสิ้น 6 ตำบล 30 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 404 ครัวเรือน 1,741 คน




อิทธิพลพายุ "เซินติญ" น้ำป่าไหลหลากท่วมเพชรบูรณ์ [Thai PBS : 19 ก.ค. 61 เวลา 06.44 น. ]

น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วม 9 หมู่บ้าน ตำบลปากช่อง อำเภอหล่อสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ หลังได้รับอิทธิพลพายุของเซินติญ กระทบบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรเสียหาย 500 ไร่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่แจ้งเตือนประชาชนใน อำเภอชนแดน เก็บของขึ้นที่สูง เฝ้าระวังสถานการณ์ใกล้ชิด

                    วันที่ 18 กรกฎาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อิทธิพลพายุของเซินติญ ทำให้หลายพื้นที่ในอำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ มีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณน้ำในลำคลองบุษบง ซึ่งไหลผ่นเขตชุมชนอำเภอชนแดนมีระดับน้ำเต็มตลิ่ง และกำลังจะเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตร เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เร่งประชาสัมพันธ์และประกาศเสียงตามสาย แจ้งเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมลำคลองและพื้นที่รับน้ำ เตรียมเก็บสิ่งของมีค่าขึ้นสู่ที่สูง พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
                    ขณะที่ช่งเย็นวานนี้ เกิดน้ำป่าจากเทือกเขาน้ำหนาวไหลหลากเข้าท่วม 9 หมู่บ้านของ ตำบลปากช่อง อำเภอหล่มสัก กระทบบ้านเรือนประชาชนจำนวนมาก รวมทั้งพื้นที่ทางการเกษตร 500 ไร่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลปากช่อง และเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันทหารที่ 28 เร่งงพื้นที่ให้การช่วยเหลือขนย้ายของขึ้นที่สูง แต่ยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทางองค์การบริหารส่วนตำบลปากช่อง ได้ประกาศเสียงตามสายเตือนให้เฝ้าระวัง เพราะอาจเกิดน้ำป่าไหลหลากลงมาอีกระลอก


อิทธิพลพายุ 'เซินติญ' น้ำป่าไหลหลากท่วมเพชรบูรณ์




อิทธิพล "เซินติญ" ทำ "มุกดาหาร บึงกาฬ" ระดับน้ำโขงเพิ่ม ท่วมนาข้าว [ไทยรัฐออนไลน์ : 19 ก.ค. 61 เวลา 10.15 น.]

อิทธิพล พายุ "เซินติญ" ส่งผลให้น้ำโขง จังหวัดมุกดาหาร เพิ่มระดับต่อเนื่อง เฉลี่ยวันละ 50 ซม. เจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อม อุปกรณ์กู้ภัย หากเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนที่จังหวัดบึงกาฬ ปริมาณน้ำสะสมท่วมนาข้าว

                    เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 19 ก.ค. 61 จังหวัดมุกดาหาร ระดับน้ำโขงยังคงมีระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ล่าสุดระดับน้ำในแม่น้ำโขงวัดที่ส่วนอุทกวิทยาที่ 3 มุกดาหาร กรมทรัพยากรน้ำ อ.เมืองมุกดาหาร มีระดับอยู่ที่ 8.48 เมตร เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของเมื่อวานนี้ถึง 0.73 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 3.52 เมตร และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ระดับน้ำเฝ้าระวังอยู่ที่ 11.00 เมตร ส่วนระดับวิกฤติ อยู่ที่ 12.50 เมตร หลายหน่วยงานของจังหวัดมุกดาหาร ยังคงเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วยกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดมุกดาหาร จึงได้มีการเตรียมความพร้อมตรวจเช็กอุปกรณ์ให้การช่วยเหลือหากเกิดสภาวะน้ำโขง และลุ่มน้ำสาขาล้นตลิ่ง ทั้งในส่วนเรือท้องแบน เสื้อชูชีพ รถยนต์ตรวจการณ์กู้ภัย และอุปกรณ์อื่นๆ ที่มีความจำเป็น เพื่อให้เกิดความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย นอกจากนี้ยังจะได้ประสานหน่วยงานทหารในพื้นที่โดยเฉพาะหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 24 และหน่วยงานข้างเคียงในการให้การช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงทีหากเกิดภัยพิบัติขึ้น
                    ขณะที่ นายไพฑูรย์ รักษ์ประเทศ ผวจ.มุกดาหาร แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ระวัง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง ดินถล่ม จากพายุ "เซินติญ" ในช่วง 1-3 วันนี้ พร้อมกำชับให้หน่วยงานเจ้าท่า ประมง และตำรวจน้ำออกลาดตระเวนแจ้งเตือนการเดินเรือ เรือเล็ก เรือประมง เรือท่องเที่ยว เรือข้ามฟาก ให้เดินเรือด้วยความระมัดระวัง มีอุปกรณ์ชูชีพให้เพียงพอ และให้ถือปฏิบัติอย่างเข้มงวดในการตรวจตราสภาพความพร้อมก่อนออกเรือ หากพบเห็นสาธารณภัยที่เกิดจากสภาวะอากาศดังกล่าว ขอให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร่งด่วน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด หมายเลขโทรศัพท์ 042-633-101 0-4261-5383, 0-4261-2243 หรือสายด่วนสาธารณภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
                    ส่วนที่จ.บึงกาฬ เมื่อเวลา 07.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จ.บึงกาฬ ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน “เซินติญ” (SON-TINH) ที่เคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศลาวและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนในวันนี้ (19 ก.ค. 61) ส่งผลทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ทั้ง 8 อำเภอของจังหวัดบึงกาฬ ฝนที่ตกปรอยๆ ลงมาอย่างต่อเนื่องได้กระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนในพื้นที่ เช่น พระสงฆ์ต้องกางร่มออกรับบิณฑบาตในตอนเช้าท่ามกลางสายฝน
                    ขณะที่ในพื้นที่อำเภอเซกา และอำเภอบึงโขงหลง โดยเฉพาะที่บริเวณอ่างเก็บน้ำบึงโขงหลง มีปริมาณน้ำสะสมเป็นจำนวนมาก น้ำได้เอ่อล้นฝายคอนกรีตจุดระบายน้ำที่มีความยาว 40 เมตร ไหลลงท่วมนาข้าวของชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงหลายร้อยไร่ ก่อนที่จะไหลลงสู่ลำห้วยน้ำเมา และไหลลงสู่แม่น้ำสงคราม แต่ก็เป็นไปด้วยความล่าช้า เนื่องจากปริมาณน้ำมีจำนวนมาก ประกอบกับมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
                    ด้าน นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.บึงกาฬ ในฐานะผู้อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบึงกาฬ ได้ทำหนังสือแจ้งเตือนเพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ โดยให้อำเภอทุกอำเภอแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ให้ติดตามข่าวสารพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด แจ้งหน่วยงาน อปท. ชลประทาน ทหาร อาสาสมัคร เตรียมพร้อมเครื่องมือเครื่องจักร อุปกรณ์กู้ชีพ และกำลังเจ้าหน้าที่ในการช่วยเหลือประชาชน ตลอด 24 ชม. หากมีสถานการณ์น้ำท่วม หรือน้ำป่าไหลหลาก

อิทธิพล 'เซินติญ' ทำ 'มุกดาหาร บึงกาฬ' ระดับน้ำโขงเพิ่ม ท่วมนาข้าว



พายุเซินติญ แผลงฤทธิ์ หลายจังหวัดอ่วมน้ำป่า อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสาน ฝนหนัก [สำนักข่าว INN : 19 ก.ค. 61 เวลา 11.57 น.]

                    วันที่ 19 กรกฎาคม 2561 มีรายงานว่า เกิดฝนตกหนักหลายพื้นที่ของประเทศ จากอิทธิพลของพายุเซินติญ โดยหลายจังหวัดทางภาคเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือ ได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำที่เพิ่มสูง จนเกิดน้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่
                    จ.พิษณุโลก มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้น้ำป่าทะลักเข้าท่วม ถนนสายบ้านซำรู้-ห้วยเฮี้ย ในเขตอำเภอนครไทย รวมถึงเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรในพื้นที่หมู่ 2 บ้านป่าคาย ตำบลห้วยเฮี้ย เสียหายแล้วกว่า 100 ไร่
                    จ.ลำปาง  ถนนหลายสายในเขตเทศบาลนครลำปาง จ.ลำปาง ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 30 เซนติเมตร ขณะเดียวกันฝนที่ตกหนัก ส่งผลให้น้ำลำห้วยแม่ฮาวทะลักท่วม 2 หมู่บ้าน ขณะที่น้ำป่าไหลหลากขยายวงกว้างพื้นที่เกษตรเสียหายกว่า 100 ไร่
                    จ.เพชรบูรณ์ เกิดน้ำป่าจากเทือกเขาน้ำหนาวไหลหลากเข้าท่วม 9 หมู่บ้านของ ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก กระทบบ้านเรือนประชาชนจำนวนมาก รวมทั้งพื้นที่ทางการเกษตร 500 ไร่ ส่วนหลายพื้นที่ใน อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ มีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง เบื้องต้นได้แจ้งเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมลำคลองและพื้นที่รับน้ำ เตรียมเก็บสิ่งของมีค่าขึ้นที่สูง
                    ด้าน นายรักชัย ศรีนวล นักอุตุนิยมวิทยา ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ เปิดเผยว่า ในวันนี้จะมีฝนตกหนักทางภาคเหนือทั้ง 15 จังหวัด ประมาณ 80% ของพื้นทื่ และภาคเหนือในโซนตะวันออก เช่น จ.น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ จะประสบกับฝนตกหนักกว่าพื้นที่อื่น ซึ่งจากการพยากรณ์ วันที่ 19-20 กรกฎาคม จะหนักสุด จากนั้น วันที่ 21-22 กรกฎาคม  ฝนจะเริ่มเบาลง
                    ขณะที่ กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศเตือน อิทธิพลจาก พายุโซนร้อน เซินติญ ส่งผลให้ไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น โดยเฉพาะ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ส่วนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่งจนถึงวันที่ 22 กรกฎาคม 2561
                    พยากรณ์อากาศสำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-30 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

พายุเซินติญ พายุเซินติญ

พายุเซินติญ พายุเซินติญ

นครพนม เตรียมรับมือ "พายุเซินติญ" น้ำล้นสปิลเวย์ จนท.เร่งระบาย [คมชัดลึก : 19 ก.ค. 61]       

นครพนม -  อิทธิพล พายุ "เซินติญ" ทำให้เกิดฝนตกหนัก ปริมาณน้ำใน "อ่างเก็บน้ำห้วยส้มโฮง" บ้านนาโพธิ์ ต.กุรุคุ อ.เมือง จ.นครพนม ได้ล้นสปิลเวย์ เจ้าหน้าที่เร่งระบาย

                    เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2561 สถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดนครพนม รายงานสถานการณ์ว่า ขณะนี้ พายุเซินติญ มีศูนย์กลางอยู่บริเวณเมืองวิน ประเทศเวียดนาม เขตติดต่อกับแขวงเชียงขวาง สปป.ลาว ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดบึงกาฬ และคาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่น ในไม่ช้า
                    อิทธิพลของพายุเซิญติญ ทำให้มีกลุ่มฝนปกคลุมทางตอนบนของจังหวัดนครพนม บึงกาฬ หนองคาย สกลนคร และอุดรธานี โดยมีฝนตกหนักมากสุดที่ อ.บ้านแพง จ.นครพนม วัดปริมาณได้ 92.0 มม.
                    ด้าน อ.นาทม มีฝนตกหนัก ปริมาณ 65.8 มม. คาดว่ากลุ่มฝนนี้จะยังคงปกคลุมพื้นที่ทางตอนเหนือของจังหวัดนครพนม ประกอบด้วย อ.เมืองฯ , อ.โพนสวรรค์ , อ.ท่าอุเทน , อ.บ้านแพง , อ.นาทม , อ.นาหว้า  และ อ.ศรีสงคราม ต่อไป
                    โดยช่วงเช้าเวลา 07.00 น. ความแรงของฝนและพื้นที่มีแนวโน้มลดลง ส่วนพื้นที่ทางตอนล่างของนครพนม อ.ปลาปาก , อ.วังยาง , อ.นาแก , อ.เรณูนคร และ อ.ธาตุพนม มีเพียงฝนเบาเกิดขึ้นในบางพื้นที่
                    ล่าสุดมีสถานการณ์ว่า น้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยส้มโฮง บ้านนาโพธิ์ ต.กุรุคุ อ.เมือง จ.นครพนม ได้ล้นสปิลเวย์แล้ว เป็นผลกระทบจากมีฝนตกหนักต่อเนื่องถึง 2 วัน ทำให้น้ำไหลลงอ่างที่มีความจุดประมาณ 3.2 ล้านลูกบาศก์เมตร ทางเจ้าหน้าที่ประจำได้เร่งระบายน้ำลงสู่อ่างเก็บน้ำห้วยคำใหญ่และห้วยบังกอเพื่อดันลงแม่น้ำโขง
                    เบื้องต้นมีพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายประมาณ 200 ไร่ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายส่งน้ำที่ 1 อ่างเก็บน้ำห้วยส้มโฮงนายหนึ่ง เผยว่าขณะนี้ห่างจากจุดวิกฤต 1.70 เมตร  ความจุของอ่างยังพอที่รองรับน้ำได้ราว 500,000 ลูกบาศก์เมตร ถ้าโชคดีพายุเซินติญ เปลี่ยนทิศทาง ก็คงไม่น่าเป็นห่วง แต่ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้เฝ้าระวัง และติดตามสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง พร้อมรายงานผลให้ทราบทุกระยะ
                    นอกจากอ่างเก็บน้ำห้วยส้มโฮง แล้ว ยังมีน้ำล้นสปิลเวย์อ่างเก็บน้ำอีก 2 แห่ง ในพื้นที่ อ.ปลาปาก และ อ.ธาตุพนม ซึ่งเจ้าหน้าที่ต่างเร่งระบายน้ำลงแม่น้ำโขง กันอย่างจ้าละหวั่น เพราะเกรงพายุเซินติญ จะกระหน่ำซ้ำ ทำให้ยากแก่การรับมือ

พายุเซินติญ
พายุเซินติญ

ยังเหลือ 3 จังหวัดที่มีปัญหาอุทกภัยจากพายุโซนร้อน “เซินติญ” [ไทยโพสต์ : 22 ก.ค. 61 เวลา 10.08 น.]

                    นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลของพายุโซนร้อน “เซินติญ” ตั้งแต่วันที่ 17 – 22 กรกฎาคม 2561 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มใน 13 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ตาก เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พิจิตร นครสวรรค์ ตราด แพร่ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ระนอง เพชรบุรี และประจบคีรีขันธ์ รวม  2,369 ครัวเรือน 6,935 คน 23 อำเภอ 34 ตำบล 106 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 10 จังหวัด
                    ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 3 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี เกิดฝนตกหนักน้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอสังขละบุรี รวม 2 ตำบล  15 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 400 ครัวเรือน 1,042 คน วัด 1 แห่ง ถนน 2 สาย สถานที่ราชการ 7 แห่ง พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย 300 ไร่ ปัจจุบันระดับน้ำลดลง ตาก เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่ระมาด อำเภอพบพระ อำเภอท่าสองยาง และอำเภออุ้มผาง รวม 6 ตำบล 11 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 80 ครัวเรือน 271 คน ถนน  18 สาย ปัจจุบันระดับน้ำลดลง ประจวบคีรีขันธ์ เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อำเภอหัวหิน รวม 1 ตำบล 3 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 80 ครัวเรือน 248 คน ฝาย 3 แห่ง ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
                    ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ อีกทั้งเร่งสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ
                    อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคุลมภาคใต้ ทะเลอันดามัน และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้ภาคตะวันออกมีฝนตกหนักบางพื้นที่ รวมถึงทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นลมแรง ปภ.จึงได้ประสานจังหวัด ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยจากภาวะฝนตกหนัก ปริมาณฝนสะสม และคลื่นลมแรง โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด
                    อีกทั้งจัดเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด สำหรับทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน คลื่นลมมีกำลังแรง คลื่นสูง 2 – 3 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองจะมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณชายฝั่งระมัดระวังอันตรายจากคลื่นซัดฝั่ง รวมถึงชาวประมงให้เพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือเป็นพิเศษ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง อีกทั้งนักท่องเที่ยวควรงดประกอบกิจกรรมทางทะเลทุกประเภท ทั้งนี้ หากได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป




พิษ “เซินติญ” เส้นทางถูกตัดขาด 2 วัน [คมชัดลึก : 22 ก.ค. 61]

พิษพายุ "เซินติญ" เส้นทางเข้าสู่บ้านสบโขง อ.สบเมย แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด ทางอำเภอส่งเรือยนต์หางยาวลำเลียงราษฎร / หน่วยทหาร เร่งส่งเครื่องจักรกลหนักเปิดเส้นทาง

                    22 ก.ค. 61 - นายผอบ บินสะอาด นายอำเภอสบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า สถานการณ์ล่าสุดเมื่อเช้านี้ เส้นทางระหว่างบ้านสบแม่เลาะ และบ้านสบโขง บางช่วงได้ถูกน้ำป่า จากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องมาแล้ว 2 วัน ท่วมเส้นทางเป็นช่วงๆ หลายช่วง ยานพาหนะทุกชนิดไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ ล่าสุดเวลาประมาณ 07.30 น. ทางอำเภอสบเมย ได้ส่งเรือยนต์หางยาว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ อส.อ.สบเมย ไปให้การช่วยเหลือลำเลียงราษฎรที่ติดบริเวณดังกล่าว ออกมา ขณะที่ทางด้านหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ ที่ 36 (นพค.36) ได้จัดส่งเครื่องจักรกลหนัก เข้าไปเปิดเส้นทาง ที่ถูกดินภูเขาและต้นไม้ สไลด์ลงปิดทับเส้นทางเป็นการด่วนเช่นกัน
                    นายอำเภอสบเมย กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมถนน ดินสไลด์หลายจุด น้ำขึ้นสูงกว่ารอบที่ผ่านมามาก โดยได้แจ้งสำหรับนักเดินทางทุกท่าน สายในเงา สายจือทะ และสายห้วยน้ำผึ้ง ถูกปิดลงเรียบร้อย ฝนฟ้ายังไม่มีท่าทีที่จะหยุด หากจำเป็นที่ต้องเดินทางขอให้ทุกท่านเดินทางอย่างระมัดระวังด้วย
                    สำหรับพื้นที่ถนนแม่เงา-สบโขง เมื่อเวลา 16.30 น.ของวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรได้เนื่องจากระดับน้ำขึ้นสูงท่วมถนนระหว่าง บ้านแม่เงา-สบแม่เลาะ นอกจากนั้น ทางอำเภอสบเมย ยังได้ทำการแจ้งไปยัง กำนันทุกตำบล ผญบ.ทุกหมู่บ้าน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุกตำบล ด้วยประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุ “เซินติญ” เข้าปกคลุมประเทศลาว ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและฝนตกสะสมในประเทศไทย ภาคเหนือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และดินโคล่นถล่ม จึงขอให้ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล เฝ้าระวังติดตามการรายงาน พยากรณ์อากาศ อย่างใกล้ชิด หากเกิดเหตุภัยพิบัติขึ้น ในพื้นที่ให้รีบช่วยเหลือ และรายงานมาให้อำเภอสบเมยทราบ โดยทันที
                    นายเรืองฤทธิ ผลดี ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ได้รับรายงานมาว่าจากเหตุฝนตกหนัก ทำให้ปริมาณน้ำแม่เงาสูงขึ้น ท่วมเส้นทาง เข้าตำบลแม่สวด บริเวณบ้านแม่เงา รถไม่สามารถสัญจรไปได้ นั้นขณะนี้ ระดับน้ำได้ลดลงเหลือประมาณ 1.00 ม. ระยะทาง 100 ม. รถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ซึ่งทาง กองร้อย อส.อ.สบเมย ที่ 7 , ทพ.3607 , อบต.แม่สวด ,ทางหลวงชนบท ได้เฝ้าระวังเหตุการณ์และช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว