บันทึกเหตุการณ์น้ำท่วมพื้นที่ภาคใต้ (3-8 พฤศจิกายน 2552)

ภาพดาวเทียม GOES-9

3/11/2009
21GMT

4/11/2009
09GMT

5/11/2009
08GMT

6/11/2009
09GMT

7/11/2009
11GMT

8/11/2009
09GMT

9/11/2009
08GMT
     
จากภาพถ่ายดาวเทียม GOES-9 พบว่าในช่วงวันที่ 13-8 พฤศจิกายน มีกลุ่มเมฆปกคลุมพื้นที่ภาคใต้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง บริเวณจังหวัดนราธิวาส ยะลา ปัตตานี สงขลา

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

ภาพแผนที่อากาศ

3/11/2009
[07 UTC]

4/11/2009
[07 UTC]

5/11/2009
[07 UTC]

6/11/2009
[07 UTC]

7/11/2009
[01 UTC]

8/11/2009
[01 UTC]
   

จากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยในช่วงวันที่ 3-8 พฤศจิกายน ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
   

ภาพเรดาร์กรมอุตุนิยมวิทยา
เรดาร์สุราษฎร์ธานี        

3/11/2009
[19:03]

4/11/2009
[08:03]

5/11/2009
[05:03]

6/11/2009
[03:03]

7/11/2009
[22:03]

8/11/2009
[02:03]
เรดาร์ภูเก็ต        

3/11/2009
[21:30]

4/11/2009
[06:30]

5/11/2009
[19:30]

6/11/2009
[04:30]

7/11/2009
[23:30]

8/11/2009
[00:30]
เรดาร์สงขลา        

3/11/2009
[21:03]

4/11/2009
[07:03]

5/11/2009
[18:03]

6/11/2009
[03:03]

7/11/2009
[22:03]

8/11/2009
[03:03]
ข้อมูลจากภาพเรดาร์สุราษฎร์ธานี เรดาร์ภูเก็ต และเรดาร์สงขลา รัศมี 240 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ภาคใต้่ จะเห็นได้ว่าช่วงวันที่ 3-8 พฤศจิกายน มีกลุ่มฝนปกคลุมบริเวณภาคใต้อย่างต่อเนื่อง

รายละเอียดเพิ่มเติม
เรดาร์สุราษฎร์ธานเรดาร์ภูเก็ต เรดาร์สงขลา
     

ปริมาณฝนจากสถานีตรวจวัดกรมอุตุนิยมวิทยา

3/11/2009

4/11/2009

5/11/2009

7/11/2009

8/11/2009
รายละเอียดเพิ่มเติม

ภาพแสดงข้อมูลฝนสะสมจากสถานีตรวจอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่ามีจุดสีแดงกระจายตัวอยู่ในพื้นที่ภาคใต้อยู่หลายจุดด้วยกัน ซึ่งหมายถึงบริเวณดังกล่าวมีปริมาณฝนค่อนข้างมาก โดยข้อมูลปริมาณฝนที่่ตรวจวัดได้จากแต่ละสถานี แสดงตามตารางด้านล่าง

วันที่
สถานี
ปริมาณฝนสะสมรายวัน
3/11/2009 พัทลุง                               108.1
นครศรีธรรมราช                               107.8
นครศรีธรรมราช (1)                                 71.3
เกาะสมุย                                 50.8
4/11/2009 เกาะสมุย                               125.2
พัทลุง                                 98.7
สงขลา                                 95.6
นครศรีธรรมราช (1)                                 90.8
ยะลา                                 63.9
นราธิวาส                                 63.1
ปัตตานี                                 58.0
ฉวาง (2)                                 51.4
5/11/2009 คอหงษ์ (1)                               142.3
สะเดา (2)                                 91.4
นราธิวาส                                 90.4
สงขลา                                 71.0
พัทลุง                                 70.6
ปัตตานี                                 69.6
สตูล                                 60.9
7/11/2009 สวี (1)                               105.2
นครศรีธรรมราช                                 92.6
เกาะสมุย                                 75.3
นครศรีธรรมราช (1)                                 58.5
8/11/2009 ชุมพล                                 58.7

ปริมาณฝนจากระบบโทรมาตรขนาดเล็ก (คลิ๊กที่กราฟเพื่อแสดงภาพใหญ่)

อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส

จะแนะ จ.นราธิวาส

แว้ง จ.นราธิวาส

ทุ่งตำเสา จ.สงขลา

ทุ่งขมิ้น จ.สงขลา

ละแอ จ.ยะลา

บันนังสตา จ.ยะลา
รายละเอียดเพิ่มเติม

จากการตรวจวัดข้อมูลปริมาณฝนสะสมรายวันของสถานีโทรมาตรขนาดเล็กในพื้นที่ภาคใต้ พบว่าปริมาณฝนที่ตรวจวัดได้ค่อนข้างมากในหลายสถานี โดยมีรายละเอียดตามตารางด้านล่าง

วันที่
สถานี
จังหวัด
ปริมาณฝนสะสมรายวัน(มม.)
2/11/2009 อบต.คลองปาง ตรัง                                  53.4
ป่าพยอม พัทลุง                                  52.4
หน่วยพิทักษ์ป่าบ้านโตน ต.ลำสินธ์ อ.ศรีนครินทร์ พัทลุง                                  58.6
3/11/2009 บ้านทุ่งคาวัด ชุมพร                                  50.6
บ้านควนไม้แดง นครศรีธรรมราช                                  53.8
บ้านเขาคา นครศรีธรรมราช                                102.0
บ้านแว้ง ต.แว้ง อ.แว้ง นราธิวาส                                  73.2
โรงพยาบาลเจาะไอร้อง นราธิวาส                                  79.8
อบต.จะแนะ อ.จะแนะ นราธิวาส                                  98.0
หน่วยพิทักษ์ป่าบ้านโตน ต.ลำสินธ์ อ.ศรีนครินทร์ พัทลุง                                  57.4
เขาผ่าทอง สุราษฎร์ธานี                                  50.6
4/11/2009 อบต. ซากอ อ.ศรีสาคร นราธิวาส                                  57.4
อบต.จะแนะ อ.จะแนะ นราธิวาส                                146.6
บ้านแว้ง ต.แว้ง อ.แว้ง นราธิวาส                                146.8
โรงพยาบาลเจาะไอร้อง นราธิวาส                                150.0
หน่วยพิทักษ์ป่าบ้านโตน ต.ลำสินธ์ อ.ศรีนครินทร์ พัทลุง                                  55.2
กาบัง ยะลา                                149.8
สถานีอนามัยทุ่งโพธิ์ ต.ทุ่งขมิ้น สงขลา                                148.0
สถานีสนามกอล์ฟเอ็กซ์คลูซีฟ ต.ทุ่งตำเสา สงขลา                                148.2
5/11/2009 หัวงานฝายวังอ้ายว่าว นครศรีธรรมราช                                  51.0
อบต.จะแนะ อ.จะแนะ นราธิวาส                                  55.6
สถานีสนามกอล์ฟเอ็กซ์คลูซีฟ ต.ทุ่งตำเสา สงขลา                                  73.4
ชัยบุรี สุราษฎร์ธานี                                  59.6
6/11/2009 วัดท่าไม้ลาย ชุมพร                                  57.6

รายงานข้อความแจ้งเตือนภัยผ่านโทรศัพท์มือถือ
วันที่
เวลา
ช่วงเวลาเก็บข้อมูล
สถานที่
ปริมาณฝน(มม.)
ระดับการเตือนภัย
3/11/2009 17:00:00 ฝน15-16น.  ต.บ้านพร้าว พัทลุง          35.8 เฝ้าระวังสูงสุด
4/11/2009 23:00:00 ฝน07-23น.   ต.จะแนะ นราธิวาส          79.2 เฝ้าระวังสูงสุด
12:00:00 ฝน07-13น.   ต.เทพราช นครศรีธรรมราช          66.2 เฝ้าระวังสูงสุด
8:00:00 ฝนวานนี้   ต.ขุนทะเล นครศรีธรรมราช        107.8 เฝ้าระวังสูงสุด
8:00:00 ฝนวานนี้  ต.อ่างทอง พัทลุง        108.1 เฝ้าระวังสูงสุด
2:00:00 ฝน04/07-05/01น.  ต.แว้ง นราธิวาส          66.6 เฝ้าระวังสูงสุด
2:00:00 ฝน04/07-05/02น.  ต.บูกิต นราธิวาส          77.4 เฝ้าระวังสูงสุด
5/11/2009 23:00:00 ฝน07-23น.  ต.ทุ่งขมิ้น สงขลา          68.0 เฝ้าระวังสูงสุด
22:00:00 ฝน07-22น.  ต.บูกิต นราธิวาส          67.4 เฝ้าระวังสูงสุด
21:00:00 ฝน07-21น.  ต.จะแนะ นราธิวาส          67.8 เฝ้าระวังสูงสุด
8:00:00 ฝนวานนี้  ต.มะเร็ต สุราษฎร์ธานี        125.2 วิกฤต
8:00:00 ฝนวานนี้  ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก นครศรีธรรมราช          90.8 เฝ้าระวังสูงสุด
8:00:00 ฝนวานนี้  ต.เกาะแต้ว สงขลา          95.6 เฝ้าระวังสูงสุด
8:00:00 ฝนวานนี้  ต.อ่างทอง พัทลุง          98.7 เฝ้าระวังสูงสุด
4:00:00 ฝน05/07-06/04น.  ต.กาบัง ยะลา        149.8 วิกฤต
3:00:00 ฝน05/07-06/03น.  ต.แว้ง นราธิวาส        111.2 วิกฤต
2:00:00 ฝน05/07-06/02น.  ต.จะแนะ นราธิวาส        110.2 วิกฤต
2:00:00 ฝน02-03น.  ต.ทุ่งตำเสา สงขลา          36.2 เฝ้าระวังสูงสุด
1:00:00 ฝน05/07-06/01น.  ต.ทุ่งตำเสา สงขลา          88.8 เฝ้าระวังสูงสุด
1:00:00 ฝน05/07-06/00น.  ต.แว้ง นราธิวาส          71.0 เฝ้าระวังสูงสุด
1:00:00 ฝน05/07-06/01น.  ต.บูกิต นราธิวาส        111.6 วิกฤต
1:00:00 ฝน05/07-06/01น.  ต.ทุ่งขมิ้น สงขลา        111.0 วิกฤต
1:00:00 ฝน05/07-06/02น.   ต.ทุ่งตำเสา สงขลา        119.4 วิกฤต
6/11/2009 16:00:00 ฝน07-17น.  ต.ทุ่งตำเสา สงขลา          65.8 เฝ้าระวังสูงสุด
8:00:00 ฝนวานนี้  ต.คอหงส์ สงขลา        142.3 วิกฤต
8:00:00 ฝนวานนี้  ต.บองอ นราธิวาส          90.4 เฝ้าระวังสูงสุด
8:00:00 ฝนวานนี้  ต.สะเดา สงขลา          91.4 เฝ้าระวังสูงสุด
8/11/2009 8:00:00 ฝนวานนี้  ต.สวี ชุมพร        105.2 เฝ้าระวังสูงสุด
8:00:00 ฝนวานนี้  ต.ขุนทะเล นครศรีธรรมราช          92.6 เฝ้าระวังสูงสุด

แผนภาพแสดงปริมาณฝนสะสม

4/11/2009
[0000]

4/11/2009
[1200]
5/11/2009
[0000]

5/11/2009
[1200]
6/11/2009
[0000]

6/11/2009
[1200]

7/11/2009
[0000]

7/11/2009
[1200]

8/11/2009
[0000]

8/11/2009
[1200]

9/11/2009
[0000]

9/11/2009
[1200]

จากแผนภาพแสดงปริมาณฝนสะสมของสถาบันวิจัยทหารเรืออเมริกา พบว่ามีกลุ่มฝนกระจุกตัวกันค่อนข้างมากและต่อเนื่่องในบริเวณอ่าวไทยและภาคใต้ตอนล่าง โดยเฉพาะวันที่ 4-6 พฤศจิกายน ที่กลุ่มฝนกระจุกตัวกันค่อนข้างหนาและกระจายตัวค่อนข้างกว้างมากกว่าวันอื่น

รายละเอียดเพิ่มเติม


ข้อมูลน้ำในเขื่อน


ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำเขื่อนบางลาง

จากการที่มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน ทำให้ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำเขื่อนบางลาง จังหวัดยะลา เพิ่มสูงขึ้นค่อนข้างมาก โดยในวันที่ 7 พฤศจิกายน มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างสูงสุด 91.60 ล้าน ลูกบาศก์เมตร

ข้อมูลระดับน้ำจากสถานีวัดน้ำท่า-กรมชลประทาน

สถานีบ้านปาเสมัส อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส
(ระดับตลิ่ง 6.2 เมตร)

สถานีบ้านประดู่ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง
(ระดับตลิ่ง 13.07 เมตร)

สถานีบ้านศาลา อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา
(ระดับตลิ่ง 7.18 เมตร)

สถานีบ้านท่าสาบ อ.เมือง จ.ยะลา
(ระดับตลิ่ง 16.28 เมตร)

สถานีซากอ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส
(ระดับตลิ่ง 9.92 เมตร)

สถานีท้ายเขื่อนปัตตานี อ.เมือง จ.ยะลา
(ระดับตลิ่ง 12.15 เมตร)

ข้อมูลระดับน้ำจากสถานีวัดน้ำท่ากรมชลประทาน พบว่ามีระดับน้ำล้นตลิ่งหลายจุดด้วยกัน โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดนราธิวาสที่มีน้ำท่วมหนัก


ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงพื้นที่น้ำท่วมจาก สทอภ.
ข้อมูลจากดาวเทียม RADARSAT-1 บันทึกข้อมูล
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2552 เวลา 18.33 น. แสดงพื้นที่น้ำท่วมบริเวณบางส่วนของจังหวัด
นครศรีธรรมราชและพัทลุง
ข้อมูลจากดาวเทียม RADARSAT-1 บันทึกข้อมูล
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2552 เวลา 18.33 น.
แสดงพื้นที่น้ำท่วมบริเวณบางส่วนของจังหวัด
สุราษฎร์ธานี
ข้อมูลจากดาวเทียม RADARSAT-1 บันทึกข้อมูล
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา 06.06 น.
แสดงพื้นที่น้ำท่วมบริเวณบางส่วนของจังหวัดตรัง
นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา และสุราษฎร์ธานี
ข้อมูลจากดาวเทียม RADARSAT-1 บันทึกข้อมูล
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา 06.06 น. แสดงพื้นที่น้ำท่วมบริเวณบางส่วนของจังหวัด
นครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานี
ข้อมูลจากดาวเทียม RADARSAT-1 บันทึกข้อมูล
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา 18.16 น.
แสดงพื้นที่น้ำท่วมบริเวณบางส่วนของจังหวัด
นราธิวาส ปัตตานี และยะลา
   

ข้อมูลด้านความเสียหาย

สรุปสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้และการให้ความช่วยเหลือ(ระหว่างวันที่ 4 – 9พฤศจิกายน 2552)
          พื้นที่ประสบภัย 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ชุมพร สงขลา สตูล ตรัง นราธิวาส ยะลา และจังหวัดปัตตานี รวม 74 อำเภอ 249 ตำบล 5 เทศบาล 605หมู่บ้าน มีผู้เสียชีวิต 15 ราย (จ.ยะลา อ.บันนังสตา 4 ราย อ.รามัน 1 ราย จ.พัทลุง อ.เมือง 1 ราย อ.ป่าบอน 1 ราย และ จ.นราธิวาส อ.ศรีสาคร 8 ราย) ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 92,043 คน 22,331 ครัวเรือน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 4 หลัง เสียหายบางส่วน 390 หลัง ถนน 160 สาย สะพาน 15 แห่ง บ่อปลา/กุ้ง 347 บ่อ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น อยู่ระหว่างการสำรวจ
            สถานการณ์ปัจจุบัน ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ชุมพร สงขลา สตูล ตรัง นราธิวาส ยะลา และจังหวัดปัตตานี ดังนี้
            1) จังหวัดสุราษฎร์ธานี ฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 8 อำเภอ 30 ตำบล 94 หมู่บ้าน ได้แก่
                        (1) อำเภอท่าชนะ จำนวน 6 ตำบล ได้แก่ ตำบลท่าชนะ ตำบลสมอทอง ตำบลประสงค์ ตำบลคันธุลี ตำบลคลองพา และตำบลวัง
                        (2) อำเภอดอนสัก จำนวน 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลชนคราม และตำบลดอนสัก
                        (3) อำเภอไชยา จำนวน 9 ตำบล ได้แก่ ตำบลปากหมาก ตำบลเวียง ตำบลเลม็ด ตำบลตลาดไชยา ตำบลโมถ่าย ตำบลป่าเว ตำบลทุ่ง ตำบลตะกรบ และตำบลพุมเรียง
                        (4) อำเภอชัยบุรี จำนวน 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลคลองน้อย ตำบลสองแพรก ตำบลชัยบุรี และตำบลไทรทอง
                        (5) อำเภอกาญจนดิษฐ์ จำนวน 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลพลายวาส ตำบลท่าทองใหม่ ตำบลทุ่งกง ตำบลคลองสระ และตำบลตะเคียนทอง
                        (6) อำเภอวิภาวดี 1 ตำบล ได้แก่ ตำบลกุกเหนือ (หมู่ที่ 7)
                        (7) อำเภอท่าฉาง จำนวน 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลเขาถ่าน ตำบลท่าฉาง และตำบลท่าเคย
                        (8) อำเภอพุนพิน (อยู่ระหว่างการสำรวจ) ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
            2) จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เกิดฝนตกหนักติดต่อกัน เมื่อวันที่ 3-4 พฤศจิกายน 2552 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำไหลหลากในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่
                        (1) อำเภอปากพนัง จำนวน 6 ตำบล ได้แก่ ตำบลปากพนัง ฝั่งตะวันออก ตำบล      ชะเมา ตำบลปากพนังฝั่งตะวันตก ตำบลแหลมตะลุมพุก ตำบลท่าพญา ตำบลขนาบนาก และเขตเทศบาลเมืองปากพนัง ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 29 ครัวเรือน ซึ่งได้อพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยเนื่องจากคลื่นซัดชายฝั่ง ปัจจุบันราษฎรได้กลับเข้าที่พักอาศัยตามเดิมแล้ว
                        (2) อำเภอหัวไทร อำเภอลานสกา อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอสิชล อำเภอท่าศาลาอำเภอพิปูน อำเภอพระพรหม และอำเภอจุฬาภรณ์ สถานการณ์ปัจจุบันไม่มีฝนตกในพื้นที่ แต่ยังคงมี
น้ำท่วมขังในที่ลุ่มต่ำและพื้นที่การเกษตรบางพื้นที่
            3) จังหวัดชุมพร เกิดคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้เกิดคลื่นซัดชายฝั่งในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่
                        (1) อำเภอละแม 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลละแม (หมู่ที่ 1,3,4,5) และ ตำบลสวนแตง(หมู่ที่ 6-9)
                        (2) อำเภอสวี ได้แก่ ตำบลด่านสวี (หมู่ที่ 3)
                        (3) อำเภอหลังสวน 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลมะพร้าว (หมู่ที่ 12-14) และตำบลปากน้ำ (หมู่ที่ 4,12) บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 15 หลัง ร้านค้าริมทะเล เรือประมง และเส้นทางสัญจรได้รับความเสียบางส่วน ความเสียหายอื่นอยู่ระหว่างการสำรวจ สถานการณ์ปัจจุบันไม่มีฝนตกในพื้นที่ แต่ยังคงมีคลื่นลมแรง
            4) จังหวัดตรัง เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ อำเภอปะเหลียน 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลปะเหลียน (หมู่ที่ 1-4,15) ตำบลบางควน (หมู่ที่ 1-6) และตำบลแหลมสมอ (หมู่ที่ 1-11) ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ
            5) จังหวัดพัทลุง เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้น้ำท่วมในที่ลุ่มต่ำและพื้นที่การเกษตร 7 อำเภอ ได้แก่
                        (1) อำเภอเมือง 13 ตำบล ได้แก่ ตำบลควนมะพร้าว (หมู่ที่ 1-16) ตำบลตำนาน (หมู่ที่ 1-15) ตำบลชัยบุรี (หมู่ที่ 1-13) ตำบลท่าแค (หมู่ที่ 1-12) ตำบลเขาเจียก (หมู่ที่ 1-10) ตำบลนาโหนด (หมู่ที่ 1-11) มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ชื่อนายชาญวิทย์ ปานศิริ อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 114/1 หมู่ที่ 3 เสียชีวิตเนื่องจากพลัดจมน้ำ ตำบลลำปำ (หมู่ที่ 1-11) ตำบลท่ามิหรำ (หมู่ที่ 1-10) ตำบลพญาขัน (หมู่ที่1-10) ตำบลร่มเมือง (หมู่ที่ 1-9) ตำบลโคกชะงาย (หมู่ที่ 1-9) ตำบลปรางหมู่ (หมู่ที่ 1-9) และตำบลนาท่อม (หมู่ที่ 1-8)
                        (2) อำเภอป่าบอน 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลวังใหม่ (หมูที่ 1-8) ตำบลหนองธง (หมู่ที่ 1-9) ตำบลป่าบอน (หมู่ที่ 1-11) ตำบลทุ่งนารี (หมู่ที่ 1-9) และตำบลโคกทราย (หมู่ที่ 1,3-13) มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ ด.ช.วราเมธ วรรณมาโส อายุ 1 ปี 2 เดือน บ้านเลขที่ 145 หมู่ที่ 3 ตำบลโคกทรายเนื่องจากพลัดจมน้ำ
                        (3) อำเภอป่าพะยอม อำเภอควนขนุน อำเภอเขาชัยสน อำเภอบางแก้ว และอำเภอปากพยูน เนื่องจากเป็นพื้นที่ติดชายฝั่งทะเล ประกอบกับน้ำทะเลหนุน ทำให้น้ำไม่สามารถระบายได้ทัน
            6) จังหวัดสงขลา เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้น้ำท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำใน 5 อำเภอ ได้แก่
                        (1) อำเภอสะบ้าย้อย 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลทุ่งพอ ตำบลเขาแดง ตำบลบ้านโหนด ตำบลคูหา และตำบลสะบ้าย้อย
                         (2) อำเภอนาทวี 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลคลองทราย ตำบลฉาง ตำบล นาทวี และตำบลทับช้าง
                        (3) อำเภอหาดใหญ่ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลฉลุง ตำบลทุ่งตำเสา และ ตำบลพะตง น้ำท่วมบริเวณถนนกาญจนวนิช หน้าป้อมหน่วยบริการ สภ.ทุ่งลุง รถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้
                        (4) อำเภอคลองหอยโข่ง 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลคลองหอยโข่ง (หมู่ที่ 1-6) และตำบลทุ่งลาน (หมู่ที่ 3,4,8)
                        (5) อำเภอบางกล่ำ 1 ตำบล ได้แก่ ตำบลครูเต่า เมื่อช่วงคืนวันที่ 7-8 พฤศจิกายน2552 ประตูระบายน้ำ ก.ร.1 คลอง ก.ร.1 ชำรุด ทำให้น้ำไหลเอ่อเข้าท่วมพื้นที่ริมคลองของตำบลครูเต่าความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ ปัจจุบันกรมชลประทานได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการซ่อมแซมแล้ว
                        การให้ความช่วยเหลือ จังหวัด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด อำเภอองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนเรือท้องแบน 8 ลำ รถบรรทุก 3 คัน เครื่องสูบน้ำ 1 เครื่อง เต็นท์ที่พักอาศัย 1 หลัง พร้อมเจ้าหน้าที่ชุด ERT 14 นาย ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย
            7) จังหวัดสตูล เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่
                        (1) อำเภอมะนัง 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลนิคมพัฒนา (หมู่ที่ 1-9) และตำบลปาล์มพัฒนา(หมู่ที่ 1-10) ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 900 คน 250 ครัวเรือน บ้านเรือนเสียหาย 75 หลัง ถนน 20 สาย ฝาย 2 แห่ง
                        (2) อำเภอละงู 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลน้ำผุด (หมู่ที่ 1-10) ตำบลละงู (หมู่ที่ 1-18)ตำบลเขาขาว (หมู่ที่ 1-7) และตำบลกำแพง (หมู่ที่ 1,3-7,10) ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 7,586 คน2,500 ครัวเรือน ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ
                        (3) อำเภอควนกาหลง 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลควนกาหลง (หมู่ที่ 1-11) ตำบลทุ่งน้อย (หมู่ที่ 1-12) และตำบลอุใดเจริญ (หมู่ที่ 1-9) ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ
            8) จังหวัดนราธิวาส เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 13 อำเภอ 68 ตำบล 367 หมู่บ้าน 17 ชุมชน มีผู้เสียชีวิต 8 ราย ได้แก่
                        (1) อำเภอศรีสาคร เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. (6 พฤศจิกายน 2552) เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มทับบ้านเรือนราษฎร หมู่ที่ 5 ตำบลซากอ อำเภอศรีสาคร บ้านเรือนราษฎรเสียหายทั้งหลัง 3 หลัง มีผู้เสียชีวิต จำนวน 8 ราย ดังนี้ 1) นายสาและ สาแล อายุ 71 ปี 2) นายอาหะมะ สาแล อายุ 37 ปี 3) นายอับดุลเลาะ สาแล u3629 .ายุ 42 ปี 4) นายมะนาวี สาแล อายุ 38 ปี 5) นายอิบรอเฮ็ม สาแล อายุ 23 ปี 6) นายอาบ๊ะ สาแล อายุ 22 ปี 7) นางสาการียา สาแล อายุ 24 ปี 8) ด.ช.อิลฮัม สาแล อายุ 2 ปี
                        (2) อำเภอจะแนะ อำเภอบาเจาะ อำเภอตากใบ อำเภอระแงะ อำเภอเจาะไอร้อง อำเภอแว้ง อำเภอสุคิริน อำเภอรือเสาะ อำเภอเมือง อำเภอแว้ง อำเภอสุไหงโก-ลก (เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ตำบลปาเสมัส และตำบลมูโนะ) และอำเภอสุไหงปาดี ในเขตเทศบาลตำบลปะลุรู เกิดน้ำล้นตลิ่งจากแม่น้ำโก-ลก ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.30 ม.
                        การให้ความช่วยเหลือ จังหวัด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด อำเภอองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สนับสนุนเรือท้องแบน จำวน 12 ลำ ถุงยังชีพ 1,060 ชุด ผ้าห่ม 200 ผืน
            9) จังหวัดยะลา เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 8 อำเภอ 41 ตำบล 139 หมู่บ้าน ดังนี้
                        (1) อำเภอยะหา 6 ตำบล ได้แก่ ตำบลตาชี (หมู่ที่ 1,2,5) ตำบลปะแต (หมู่ที่ 1,2,6) ตำบลบาโงยซิแน (หมู่ที่ 1) ตำบลยะหา (หมู่ที่ 1) ตำบลบาโระ (หมู่ที่ 1,5,8) และตำบลละแอ (หมู่ที่ 1,9)
                        (2) อำเภอกรงปินัง 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลกรงปินัง (หมู่ที่ 5) ตำบลห้วยกระทิง (หมู่ที่ 1) และตำบลสะเอะ (หมู่ที่ 1,3,5) ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ
                        (3) อำเภอธารโต 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลธารโต (หมู่ที่ 1) ตำบลคีรีเขต (หมู่ที่ 1,4) และตำบลแม่หวาด (หมู่ที่ 6,7) ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ
                        (4) อำเภอเมืองยะลา 5 ตำบล ในพื้นที่เทศบาลตำบลท่าใหม่ ตำบล สะเตงนอก (หมู่ที่ 3) ตำบลท่าสาป (หมู่ที่ 6) ตำบลพร่อน (หมู่ที่ 3) และตำบลบุดี (หมู่ที่ 1,2,7) ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ
                        (5) อำเภอรามัน 3 ตำบล ได้แก่ เทศบาลตำบลโกตาบารู มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ชื่อ ด.ช.ฮาลีฟ พริกเอียด อายุ 7 ปี ตำบลวังพญา (หมู่ที่ 2) และตำบลท่าธง ความเสียหาย อยู่ระหว่างการสำรวจ
                        (6) อำเภอบันนังสตา ได้แก่ ตำบลตลิ่งชัน หมู่ที่ 2 และเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.  (6 พฤศจิกายน 2552) เกิดเหตุดินถล่มทับบ้านเรือนราษฎร เลขที่ 111 บ้านตลาดนิคม หมู่ที่ 6 ตำบลตลิ่งชัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 4 ราย ดังนี้ 1) นายอัศนัย อาคมา อายุ 28 ปี 2) น.ส.พาฝัน ไกรวิลาศ อายุ 29 ปี 3) ด.ช.กรณ์ดนัย อาคมา อายุ 5 ปี และ 4.) ด.ช.คฑาวุธ อาคมา อายุ 3 ปี ซึ่งทั้งหมดอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้นำศพออกจากที่เกิดเหตุได้ทั้งหมดแล้ว
                        (7) อำเภอกาบัง 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลบาระ และตำบลกาบัง ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ
                        (8) อำเภอเบตง 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลยะรม และตำบลธารน้ำทิพย์ ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ
                        การให้ความช่วยเหลือ จังหวัด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เหล่ากาชาดจังหวัด ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม เพื่อสำรวจความเสียหายและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในเบื้องต้นแล้ว พร้อมมอบถุงยังชีพ จำนวน 500 ชุด
            10) จังหวัดปัตตานี ปริมาณน้ำในเขื่อนบางลางมีปริมาณสูง เขื่อนได้ปล่อยน้ำทำให้น้ำในแม่น้ำปัตตานีมีปริมาณสูงเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำสองฝั่งแม่น้ำ ในพื้นที่ 8 อำเภอ ดังนี้
                        (1) อำเภอแม่ลาน 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลแม่ลาน (หมู่ที่ 2,9) และตำบลม่วงเตี้ย (หมู่ที่ 1-6)
                        (2) อำเภอไม้แก่น 1 ตำบล ได้แก่ ตำบลดอนทราย (หมู่ที่ 2,3,4)
                        (3) อำเภอยะรัง 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลเขาตูม (หมู่ที่ 1,2) ตำบลเมาะมาวี (หมู่ที่ 6) ตำบลคลองใหม่ (หมู่ที่ 1-6) ตำบลยะรัง และตำบลประจัน (หมู่ที่ 8)
                        (4) อำเภอกะพ้อ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลกะรุปี (หมู่ที่ 5,6,8) ตำบล ตะโละดือรามัน (หมู่ที่ 1,2,5,6,7,8,9) และตำบลปล่องหอย (หมู่ที่ 4,5,7,8)
                        (5) อำเภอเมือง 1 ตำบล ได้แก่ ตำบลบานา (หมู่ที่ 9) (6) อำเภอหนองจิก อำเภอทุ่งยางแดง และอำเภอสายบุรี ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ

การให้ความช่วยเหลือของหน่วยงาน
1) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11สุราษฎร์ธานี เขต 12 สงขลา สนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์ช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัย ดังนี้
- เรือท้องแบน จำนวน 28 ลำ
- รถบรรทุก จำนวน 4 คัน
- รถเครน จำนวน 1 คัน
- ถุงยังชีพ จำนวน 1,012 ถุง
- เจ้าหน้าที่กู้ภัย และชุด ERT จำนวน 60 นาย
- รถยนต์กู้ภัยเอนกประสงค์ จำนวน 2 คัน
2) การให้ความช่วยเหลือของจังหวัดที่ประสบภัย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ราษฎรที่ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว พร้อมทั้งได้ระดมเจ้าหน้าที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการฯ (งบ 50 ล้านบาท) ต่อไป

สิ่งของพระราชทาน
1) มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เดินทางไปมอบสิ่งของพระราชทาน ที่จังหวัดนราธิวาส ณ ที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก จำนวน 500 ชุด ที่หอประชุมกาญจนาภิเษก อำเภอรือเสาะ จำนวน 500 ชุด เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2552 และในวันที่ 9 พฤศจิกายน2552 ณ ที่ว่าการอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี จำนวน 1,000 ชุด ที่ว่าการอำเภอยะหา จังหวัดยะลา จำนวน 1,000 ชุด และที่ว่าการอำเภอเทพา จำนวน 600 ชุด ที่ว่าการอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา จำนวน 600 ชุด
2) พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ (นายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ) และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ทรงโปรดให้ นายอภัย จันทนจุลกะ รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เป็นผู้แทนพระองค์ มอบถุงพระราชทาน จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2552 ที่ศาลาประชาคม อำเภอลานสกา จำนวน 450 ชุด และที่องค์การบริหารส่วนตำบลเสาธง อำเภอร่อนพิบูลย์ จำนวน 310 ถุง และถวายแก่พระสงฆ์ 3 ถุง พร้อมตรวจเยี่ยมราษฎรที่ประสบอุทกภัย

การตรวจเยี่ยมประชาชนและติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน 2552 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายถาวร เสนเนียม) พร้อมด้วยรองปลัดกระทรวงมหาดไทย (นายภาณุ อุทัยรัตน์) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา (นายวิรัตน์ กัลยาศิริ) รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายศรีสมบัติ พรประสิทธิ์) และคณะ เดินทางไปตรวจสถานการณ์อุทกภัยและเยี่ยมผู้ประสบภัย พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภคในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ณ บ้านไอเจี๊ยะ หมู่ที่ 5 ตำบล ซากอ อำเภอศรีสาคร จำนวน300 ชุด และที่ที่ว่าการอำเภอศรีสาคร จำนวน 700 ชุด จังหวัดยะลา ณ หมู่ที่ 3 ตำบลท่าสาป อำเภอเมืองยะลา จำนวน 500 ชุด

ที่มา : ตัดเฉพาะส่วนมาจากรายงานสรุปสถานการณ์สาธารณภัยประจำสัปดาห์(ระหว่างวันที่ 3-9 พ.ย. 52) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย http://www.disaster.go.th/
         

ข่าวจากหนังสือพิมพ์

--------------------------------------------------------------------------------------
คลื่นยักษ์ถล่มชุมพรซัดบ้านพังยับร่วม 15 หลัง [ ไทยรัฐ : 4 พ.ย. 52 ]

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ่ายวันนี้ (4 พ.ย.) นายเอกรัฐ หลีเส็น นายอำเภอละแม จ.ชุมพร พร้อมด้วยนายฉัตรชัย พะลัง รองนายก อบจ.ชุมพร และคณะ ไปตรวจสอบเหตุคลื่นขนาดใหญ่ซัดถล่มชายฝั่งพื้นที่บ้าน ม.1 และ ม.5 ต.ละแม ม. 6 และ ม. 9 ต.สวนแตง อ.ละแม จ.ชุมพร หลังมีฝนตกหนักและลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงเกือบตลอดทั้งวันนี้

เบื้องต้นพบมีบ้านเรือนประชาชนพังเสียหายเกือบทั้งหลัง 15 หลัง นอกจากนั้น ยังมีพื้นที่การเกษตรเสียหายอีกจำนวนมาก แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จากนั้น คณะของนายอำเภอละแมจึงประสานงานกำลังตำรวจ อาสาสมัครและหน่วยกู้ภัยศิรินทร์ช่วยชาวบ้านขนย้ายทรัพย์สิน และอพยพชาวบ้านที่อาศัยอยู่พื้นที่เสี่ยงภัยริมทะเลประมาณ 500 คนไปอยู่ยังที่ปลอดภัย

ขณะเดียวกันยังมีรายงานว่า จากอิทธิพลของพายุยังทำให้น้ำป่าไหลหลากทะลักมาจากภูเขาชะมดจนสะพานคอนกรีตข้ามคลองห้วยทรายขาว บริเวณถนนเขาชะมด – เขาหลาง ม.2 ต.ทุ่งคาวัด อ.ละแม จ.ชุมพร ถูกกัด     เซาะจนคอสะพานขาดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ราษฎรในพื้นที่จำนวนมากได้รับความเดือดร้อน อย่างไรก็   ตาม คณะของนายอำเภอละแมได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้ว่าราชการ จ.ชุม    พร รับทราบแล้ว

ล่าสุด มีรายงานว่า กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนน้ำท่วมและลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรง พร้อมเตือนบางพื้นที่ โดยเฉพาะ อ.ลานสะกา ร่อนพิบูลย์ สิชล และพรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราชในค่ำวันนี้

--------------------------------------------------------------------------------------
ฝนถล่มนราธิวาส สุไหงปาดีจมบาดาล [ เดลินิวส์ : 5 พ.ย. 52 ]

หลังเกิดฝนตกต่อเนื่องเป็นเวลา 2 วัน ในพื้นที่ จ.นราธิวาส ล่าสุด ทำให้พื้นที่ อ.สุไหงปาดี เส้นทางระหว่างหมู่ 5 บ้านตาเซะเหนือ หมู่ 6 บ้านตาเซะใต้ ถึง หมู่ 7 บ้านปอเนาะ ต.ปะลุรู เกิดน้ำท่วมถนนเป็นระยะทางกว่า 600 เมตร รถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้

ขณะที่ นายจำนัล เหมือนดำ นายอำเภอสุไหงปาดี ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทหาร และ อส.ในพื้นที่ จัดรถบรรทุกไว้จำนวนหนึ่ง เพื่อเตรียมขนย้ายนักเรียนกลับจากโรงเรียนในพื้นที่ต่าง ๆ

ส่วนที่ฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบล หมู่ 8 บ้านละหาน อ.สุไหงปาดี ปริมาณน้ำได้เข้าท่วมฐานปฏิบัติการ จนต้องเคลื่อนย้ายสิ่งของที่จำเป็นออกมาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากปริมาณน้ำได้ท่วมสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ หากฝนยังคงตกหนักตลอดทั้งคืน คาดว่า ต้องมีการอพยพเจ้าหน้าที่ออกไปอาศัยยังพื้นที่ปลอดภัยเป็นการชั่วคราว

ด้าน ริมฝั่งแม่น้ำสุไหงโก-ลก เจ้าหน้าที่ชุดเฝ้าระวังได้มีการติดตามระดับน้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมขอความร่วมมือจากประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำสุไหงโก-ลก เตรียมจัดเก็บสัมภาระให้พร้อมสำหรับการอพยพไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ที่เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จัดเตรียมไว้ด้วย


--------------------------------------------------------------------------------------
น้ำเทือกเขาบรรทัด ท่วมบ้านเรือน ชาวบ้าน 100 หลัง [ ไทยรัฐ : 5 พ.ย. 52 ]

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 5 พ.ย. นายสมพร สถิตย์ภูมิ นายอำเภอรัษฎา นำกำลังเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยอำเภอรัษฎา กว่า 50 คน ออกช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำบนเทือกเขาบรรทัด และน้ำจากอ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ไหลบ่าลงสู่ลำคลองในพื้นที่ อ.รัษฎา ทำให้เกิดภาวะน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และพื้นที่ทางการเกษตรที่อยู่บริเวณริมสองฝั่งคลอง ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ชาวอ.รัษฎาที่อาศัยอยู่เขตเทศบาลตำบลคลองปาง ได้รับความเดือดร้อน จำนวน 50 ครัวเรือน และประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ องค์การบริการส่วนตำบล (อบต.)คลองปาง หมู่ที่ 5 มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน จำนวน 4 ครัวเรือน และ หมู่ที่ 6 จำนวน 50 ครัวเรือน รวมทั้งพื้นที่ ม.2 ต.หนองบัว ได้รับความเดือดร้อน จำนวน 20 ครัวเรือน ส่วนพื้นที่ ม.7 ต.หนองบัว ได้รับความเดือดร้อน จำนวน 60 ครัวเรือน รวมทั้งหมดจำนวน 184 ครัวเรือน สำหรับพื้นที่การสัญจรบางเส้นทางมีน้ำท่วมเอ่อล้นถนนทำให้ยากจนการสัญจรไปมา ส่วนทางการเกษตร โดยเฉพาะเกษตรกรชาวสวนยางพารา ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะน้ำท่วมขังพื้นที่สวนยางพารา จึงทำให้ต้องขาดรายได้ ความเสียหายทั้งหมดเบื้องต้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจากการสำรวจพบว่าระดับน้ำบางแห่งเริ่มลดระดับลง เนื่องจากฝนได้หยุดตกมาตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงช่วงเที่ยงที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน นายสมพร ได้สั่งการให้เทศบาลตำบลคลองปาง เร่งนำรถแบกโฮมาขุดลอกคลอง และสั่งให้กำจัดวัชพืชที่ขึ้นขวางทางน้ำ ในคลองห้วยเนียง ต.คลองปาง อ.รัษฎา จ.ตรัง เพื่อเป็นการช่วยระบายน้ำออกจากเขตเทศบาลตำบลคลองปาง และให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในขณะนี้ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากเกรงว่าปริมาณน้ำจากพื้นที่อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช จะไหลบ่าลงมาเพิ่มอีก อาจทำให้ระดับน้ำที่เริ่มลดลงกลับเพิ่มสูงขึ้นอีก ดังนั้น อำเภอรัษฎาจึงได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่เผ้าระวัง พร้อมอุปกรณ์ให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ความช่วยเหลือ ในการขนย้ายสิ่งของและอพยพประชาชนได้อย่างทันท่วงที  หากเกิดภาวะน้ำท่วมซ้ำในพื้นที่อ.รัษฎา

--------------------------------------------------------------------------------------
พายุถล่มภาคใต้อ่วมพัทลุงสังเวยชีวิตแล้ว 2 ศพ [ ไทยรัฐ : 6 พ.ย. 52 ]

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 พ.ย.) มีฝนตกหนัก ลมกรรโชกแรง น้ำท่วมฉับพลันและมีคลื่นทะเลสูงในหลายจังหวัดภาคใต้ โดยที่บริเวณท่าเทียบเรือประมงชายฝั่ง บ้านหินกบ ม. 6 ต.ชุมพร อ.ปะทิว จ.ชุมพรคลื่นได้ซัดกระหน่ำเขื่อนท่าจอดเรือประมงยาวกว่า 150 เมตรพังเสียหาย และทำให้มีเรือประมงขนาดเล็กถูกคลื่นซัดขึ้นไปอยู่บนชายหาดได้รับความเสียหายหลายลำ นอกจากนั้น เรือประมงในพื้นที่กว่า 5,000 ลำ ไม่สามารถออกทะเลได้ โดยต้องกระจายหาที่จอดตามท่าเรือต่างๆ

ที่ จ.ตรัง ตลอดทั้งวันนี้ ยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ อ.รัษฎา ซึ่งเป็นพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมหนักที่สุดในจังหวัด ส่วน อ.กันตัง น้ำไหลเข้าท่วมในหลายพื้นที่ของ ต.ควนเมา ต.หนองบัว และ ต.คลองปาง รวมทั้งในเขตเทศบาลตำบลคลองปาง ล่าสุด เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ร่วมกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนแล้ว

ส่วนที่ จ.พัทลุงกระแสน้ำจากเทือกเขาบรรทัดไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในท้องที่ อ.ตะโหมด อ.ป่าบอน อ.ควนขนุน อ.กงหรา และ อ.เมือง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ ด.ช.วราเมศ วรรณมาโส อายุ 1 ปี 4 เดือน อยู่บ้านเลขที่ 145 ม.3 ต.โคกทราย อ.ป่าบอน และนายชาญวิทย์ ปานศิริ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114/1 ม.3 ต.นาโหนด อ.เมือง

ขณะที่ จ.นครศรีธรรมราช รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก เป็นตัวแทนพระองค์เจ้าโสมสวลีฯ และพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภามอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งหลังจากฝนตกหนักติดต่อกัน 3 วัน จ.นครศรีธรรมราช ได้ประกาศให้พื้นที่ 17 อำเภอจาก 23 อำเภอเป็นพื้นที่ประสบภัย มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 24 ล้านบาท

--------------------------------------------------------------------------------------
ประกาศภัยพิบัติ 6อำเภอ ยะลาอ่วมน้ำท่วม [ ไทยรัฐ : 6 พ.ย. 52 ]

จากกรณีที่ได้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลา 2 วัน ในพื้นที่จังหวัดยะลา ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลัน ในหลายพื้นที่ ประกอบด้วย อำเภอยะหา จำนวน 6 ตำบล 13 หมู่บ้าน ทำให้ถนนทางเข้าหมู่บ้าน น้ำท่วมสูงรถยนต์ทุกชนิด ไม่สามารถผ่านไปมาได้ อำเภอกรงปินัง จำนวน 3 ตำบล 5 หมู่บ้าน อำเภอธารโตจำนวน 3 ตำบล 5 หมู่บ้าน อำเภอรามัน จำนวน 3 ตำบล 1 หมู่บ้าน อำเภอบันนังสตา จำนวน 1 ตำบล ได้รับความเสียหายคอสะพานขาด และ อำเภอเมืองยะลา จำนวน 5 ตำบล 6 หมู่บ้าน คอสะพานขาดจำนวน 1 แห่ง ประชาชนได้รับความเดือดร้อนนับพันคน

นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า จากสภาวะฝนตกหนักติดต่อกันมาเป็นเวลา 2 วัน ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ 18 ตำบล 32 หมู่บ้าน และ มีคอสะพานขาด บนถนนเส้นทางสาย 410 ยะลา - เบตง ในพื้นที่ ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา ทำให้รถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปมาได้และในพื้นที่ ต.บาโงซิแน อ.ยะหา กำแพงโรงเรียนบ้านบาโงซิแน พังลงมาเป็นแนวยาวได้รับความเสียหาย และบางเส้นทางรถยนต์ก็ไม่สามารถผ่านไปมาได้ ซึ่งขณะนี้ทางจังหวัดยะลาได้ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว อย่างไรก็ตาม รอง ผวจ.ยะลา ได้สั่งให้นายอำเภอทุกอำเภอได้ดูแลประชาชนและตั้งศูนย์ปฏิบัติการในแต่ละอำเภอเพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยด่วน และทางอำเภอสามารถที่จะเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนได้ทันทีอำเภอละ 1 ล้านบาท

นายอภินันท์ กล่าวอีกว่า โรงเรียนกว่า 30 โรงเรียน ทั้งอำเภอต้องหยุดทำการสอนไปโดยปริยาย และมีรายงานว่า ที่ ร.ร.บ้านบาโงซิแน หมู่2 ต.บาโงซิแน กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากได้พัดกำแพงรั้วจนเกิดพังทลายลงไปทั้งแถบได้รับ ความเสียหายเป็นแนวยาวกว่า 10 เมตร ส่วนพื้นที่ที่น้ำท่วมบ้านเรือนราษฎรในหลายหมู่บ้าน ทางอำเภอได้ส่งเรือท้องแบนพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ อส. ออกไปให้ความช่วยเหลือโดยเร่งด่วนแล้ว

ขณะที่ นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางไปตรวจราชการที่ อ.เบตง ในช่วงฝนตกหนัก ได้นำคณะเดินทางกลับผ่าน อ.บันนังสตา จึงได้เข้าไปตรวจพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วมที่บ้านตะบิงติงงี หมู่ 1 ต.ตลิ่งชัน ซึ่งเป็นเส้นทางผ่าน มีราษฎรประสบปัญหาหลายครัวเรือน โดยเฉพาะบนถนนเส้นทางหลัก ทางหลวงสาย 410 (ยะลา-เบตง)มีกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก พัดผ่านถนนจนรถเล็กไม่สามารถแล่นไปมาได้ จึงได้สั่งการให้นายเมธี กาญจนภูวะ นายอำเภอบันนังสตา ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมเรือท้องแบนเข้าไปให้ความช่วยเหลือบ้านเรือนที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน พร้อมให้เตรียมรถยนต์ไปช่วยทำการขนย้ายสิ่งของชาวบ้านไปยังพื้นที่ปลอดภัยโดยเร่งด่วนต่อไปแล้ว

ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. ได้เกิดเหตุดินภูเขาถล่มทับบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่บ้านตลาดนิคม หมู่ 6 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา เบื้องตันทราบว่า เป็นบ้านของนายปู ไม่ทราบชื่อจริง และนามสกุล ได้เสียชีวิต พร้อมภรรยาและลูกชาย วัยไล่เลี่ยกัน อีก 2 คน รวมทั้งหมด 4 คน

นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา อยู่ระหว่างตรวจการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ ต.ตาเนาะปูเต๊ะ พื้นที่ใกล้เคียง ได้รีบเดินทางเข้าไปในบริเวณที่ทำการนิคมพัฒนาภาคใต้ พื้นที่เกิดเหตุเบื้องต้นได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบเหตุรวมเป็นเงินจำนวน 125,000 บาท ต่อไปแล้ว

--------------------------------------------------------------------------------------
สงขลา-สถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่รอบนอกยังวิกฤต [ ครอบครัวข่าว : 7 พ.ย. 52 ]

ศูนย์บรรเทาสาธารณะภัย เขต 12 สงขลา สรุปสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดในการดูแลรับผิดชอบ ระหว่างวันที่ 4-5 พ.ย.52 เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำเอ่อล้นตลิ่ง ในเขต จังหวัดสงขลา ยะลา นราธิวาส รวมทั้งสิ้น 22 อำเภอ 76 ตำบล 144 หมู่บ้าน มีประชาชนเดือดร้อนได้รับผลกระทบ 4,652 ครัวเรือน จังหวัดสงขลา มี 8 อำเภอ เมือง ระโนด สิงหนคร จะนะ สะบ้าย้อย หาดใหญ่ รัตภูมิ นาทวี

ขณะที่เทศบาลนครหาดใหญ่ ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 7 ให้ประชาชนเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดต่อไปแม้ฝนในพื้นที่หยุดตกแล้วก็ตาม ส่วนพื้นที่รอบนอก โดยเฉพาะที่หมู่ 1 บ้านเนินเขา หมู่ 2 หมู่บ้านลัดดานิเวศน์ ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ยังมีปริมาณน้ำท่วมอยู่ในระดับ 50 ซ.ม.- 1 เมตร คาดว่า หากไม่มีฝนตกหนักลงมาซ้ำ สถานการณ์น่าจะคลี่คลายภายในช่วงบ่าย หรือค่ำนี้

ด้านศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ประกาศ เตือน ฉบับที่ 8 เรื่อง คลื่น คลื่นลมแรงในอ่าวไทย และฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง ประกอบกับ ร่องความกดอากาศต่ำกำลังแรงพาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง

ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณ ภาคใต้ฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงมามีฝนตกชุกหนาแน่น โดยมีฝนเกือบทั่วไปและมีฝนหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ขอให้ประชาชน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งที่จะเกิดขึ้น



--------------------------------------------------------------------------------------
น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัด ท่วมต่อเนื่อง ที่พัทลุง [ ไทยรัฐ : 7 พ.ย. 52 ]

น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัด ยังคงไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ อ.กงหรา อ.ตะโหมด อ.ศรีนครินทร์ อ.ศรีบรรพต อ.ป่าบอน และ อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง ถนนหลายสายถูกน้ำท่วมสูง รถเล็กไม่สามารถผ่านไปมาได้ โดยเฉพาะพื้นที่ ต.ตะโหมด ต.แม่ขรี อ.ตะโหมด ต.ชะรัด อ.กงหรา ต.นาท่อม ต.พญาขัน ต.ชัยบุรี ต.โคกชะงาย ต.เขาเจียก ต.นาโหนด อ. เมืองพัทลุง น้ำป่าได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร ได้รับความเดือดร้อนแล้ว กว่า 2,000 เรือน ล่าสุดนายวินัย ครุวรรณพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้ประกาศให้พื้นที่จังหวัดพัทลุง เป็นพื้นที่เขตภัยพิบัติฉุกเฉินทุกอำเภอ พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน

--------------------------------------------------------------------------------------
ผู้ว่าฯสตูล ช่วยราษฎร 5 อำเภอน้ำท่วม [ ไทยรัฐ : 7 พ.ย. 52 ]

นายสุเมธ ชัยเลิศวณิชกุล ผู้ว่าฯ จ.สตูล ลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือราษฎร ที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ อ.ละงู จ.สตูล ขณะที่เกิดน้ำท่วมฉับพลันอย่างหนักใน 5 อำเภอ ของ จ.สตูล อ.ควนโดน อ.ละงู อ.ทุ่งหว้า อ.มะนัง และ อ.ควนกาหลง บ้านเรือนราษฎร ถูกน้ำพัดพาและน้ำเข้าท่วมขังจำนวนกว่า 1,000 หลังคาเรือน ไร่นาเสียหายจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ องค์การบริหารส่วนตำบล ได้เตรียมอพพยชาวบ้านในพื้นที่ ให้ไปอาศัยในที่ปลอดภัย พร้อมเร่งนำถุงยังชีพเข้าแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม นายอดินันท์ ปากบารา ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา จ.สตูล ได้สั่งการให้ทุกโรงเรียนเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด


--------------------------------------------------------------------------------------

สถานการณ์น้ำและการช่วยเหลือพื้นที่น้ำท่วมภาคใต้ [ กรมชลประทาน : 9 พ.ย. 52 ]

                 นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ล่าสุด(9 พ.ย. 52) ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ดังนี้ จ.นครศรีธรรมราช มีพื้นที่น้ำท่วม 9 อำเภอ ได้แก่ ปากพนัง  หัวไทร ลานสกา ร่อนพิบูลย์ สิชล ท่าศาลา พิบูน พระหรหม และจุฬาภรณ์  จ.สุราษฎร์ธานี มีพื้นที่น้ำท่วม 8 อำเภอ ได้แก่ ท่าชนะ ดอนสัก ไชยา ชัยบุรี กาญจนดิษฐ์ วิภาวดี ท่าฉาง และพุนพิน สถานการณ์ฝนลดน้อยลง ส่งผลให้แนวโน้มสถานการณ์น้ำเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว  จ.พัทลุง มีพื้นที่น้ำท่วม 7 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง ป่าบอน ป่าพะยอม ควนขนุน เขาชัยสน บางแก้ว และปากพยูน  สถานการณ์ฝนเริ่มตกน้อยลง คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1 สัปดาห์นี้ จ.สงขลา มีพื้นที่น้ำท่วม 5 อำเภอ ได้แก่ สะบ้าย้อย นาทวี หาดใหญ่ คลองหอยใข่ง และบางกล่ำ จ.สตูล มีพื้นที่น้ำท่วม 3 อำเภอ ได้แก่ มะนัง ละงู และควนกาหลง สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำคลองดุสนและคลองท่าแพ เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ส่วนคลองละงู คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติภายในวันนี้ จ.นราธิวาส มีพื้นที่น้ำท่วม 12 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง ศรีสาคร จะแนะ บาเจาะ ตากใบ ระแงะ เจาะไอร้อง แว้ง สุคิริน รือเสาะ สุไหงโก-ลก และสุไหงปาดี สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำสายบุรี เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ส่วนแม่น้ำบางนรา คาดว่าหากไม่มีฝนตกหนักลงมา จะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 2-3 วัน และที่แม่น้ำโก-ลก ระดับน้ำยังสูงกว่าตลิ่งในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก อยู่ 1.30 เมตร คาดว่าหากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มเติมจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 3-5 วัน จ.ยะลา มีพื้นที่น้ำท่วม 8 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง ยะหา กรงปินัง ธารโต รามัน บันนังสะตา กาบัง และเบตง จ.ปัตตานี มีพื้นที่น้ำท่วม 8 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง แม่ลาน ไม้แก่น ยะรัง กะพ้อ หนองจิก ทุ่งยางแดง และสายบุรี

                สำหรับการช่วยเหลือ นั้น กรมชลประทานได้ สนับสนุนเครื่องสูบน้ำเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อเร่งระบายน้ำในแต่ละพื้นที่แล้ว ดังนี้ จ.นราธิวาส จำนวน 12 เครื่อง จ.สงขลา จำนวน 38 เครื่อง จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 6 เครื่อง และจ.ยะลา จำนวน 8 เครื่อง รวมทั้งหมด 64 เครื่อง

--------------------------------------------------------------------------------------

น้ำท่วมตรังสูญกว่า15ล. ปัตตานียังอ่วม [ เดลินิวส์ : 9 พ.ย. 52 ]

วันนี้( 9 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระดับน้ำที่หมู่ 6 ต.นาโยงใต้ อ.เมือง จ.ตรัง ยังคงมีน้ำท่วมบ้านเรือนราษฎรสูงกว่า 2 เมตร เนื่องจากอยู่ในที่ราบลุ่มและเป็นพื้นที่รับน้ำจากเทือกเขาบรรทัดและอำเภอนาโยง ส่วนสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ถ้ำเขาช้างหาย หมู่ที่ 6 ต.นาพละ อ.เมือง จ.ตรัง  ยังคงถูกน้ำท่วมขังเป็นระยะทางยาวกว่า 2 กิโลเมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ โดยที่ ต.นาพละ อ.เมือง จ.ตรัง มีน้ำท่วมขังจำนวน 9 หมู่บ้านกว่า 160 หลังคาเรือน ชาวบ้านต้องลงขันกันทำอาหารเลี้ยงผู้ประสบภัยน้ำท่วมในหมู่บ้านมาเป็นวันที่ 4 แล้ว โดยมีองค์การบริหารส่วน จ.ตรัง นำข้าวสารอาหารแห้งไปมอบให้เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนชั่วคราว ส่วนชุมชนควนขัน และชุมชนควนขนุนในเขตเทศบาลนครตรัง ระดับน้ำยังท่วมสูงกว่า 70 เซนติเมตร หลายหน่วยงานได้นำสิ่งของไปมอบให้ชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมใน ต.นาโยงใต้ อ.เมือง จ.ตรัง แล้วกว่า 300 ชุด 

นายโส เหมกุล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง ได้เผยถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดตรังว่า ขณะนี้ระดับน้ำเริ่มเข้าภาวะปกติแล้วบางพื้นที่ คาดว่าถ้าไม่มีฝนตกลงมาอีกหรือน้ำทะเลไม่หนุน ภายใน วันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ ระดับน้ำคงจะเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรังได้ทำการสรุปพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากภาวะน้ำท่วม มีจำนวน 6 อำเภอ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.ปัตตานี ซึ่งน้ำเหนือจาก จ.ยะลา ยังคงไหลหลากลงพื้นที่ ประกอบกับเมื่อคืนที่ผ่านมาทางเขื่อนชลประทานในจังหวัด ได้เปิดประตูน้ำทั้ง 7 บาน เพื่อระบายน้ำเหนือเขื่อนที่ไหลมาจาก จ.ยะลา จนล้นสปริงเวย์ โดยมีอัตราการไหลของน้ำผ่านเขื่อนขณะนี้อยู่ที่ 1,300 ลูกบาตรเมตร / วินาที  ลงสู่แม่น้ำปัตตานี อย่างรวดเร็ว ทำให้ตั้งแต่เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา น้ำในแม่น้ำปัตตานี มีระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นอำเภอรอบนอก ต.ปะกาฮารัง ต.บาราเฮาะ ถนนทุกเส้นทางถูกตัดขาดจากภายนอกต้องใช้เรือเป็นพาหนะ ระดับน้ำสูง 1.20 เมตร ชาวบ้าน 1,200 ครัวเรือนเดือดร้อนบ้านจมอยู่ในน้ำ

ขณะที่พันโทชาคริต สนิทพ่วง ผบ.ฉก. 23 พร้อมด้วยกำลังทหาร และฝ่ายตำรวจและปกครอง ได้นำเรือ ออกไปช่วยเหลือช่วยเหลือชาวบ้าน ที่ ม.8 บ้านปรีดอ ต.บาราเฮาะ อ.เมือง จ.ปัตตานี พร้อมทั้งนำแพทย์ทหารออกไปช่วยเหลือรักษาผู้บาดเจ็บ เบื้องต้นได้นำเครื่องอุปโภคบริโภคไปแจกจ่ายให้ความช่วยเหลือ ด้านนายดิสธร วัชโรทัย ประธานกรรมการบริหาร มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และคณะได้เดินทางมอบถุงยังชีพพระราชทานให้แก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดปัตตานี 6 ตำบล ที่หอประชุมอำเภอหนองจิก โดยมีนายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมให้ความช่วยเหลือ พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย เข้ารับพระราชทานถุงยังชีพ ต่างปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีต่อพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด ในยามที่ได้รับความเดือดร้อน.

--------------------------------------------------------------------------------------

น้ำท่วมตรังขยายวงหลังฝนตกต่อเนื่อง [ ไทยรัฐ : 9 พ.ย. 52 ]

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (8 พ.ย.) สถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดตรัง หลังจากเกิดปรากฎการณ์พายุฝนตกกระหน่ำลงมาอย่าง ต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน ส่งผลให้ปริมาณน้ำขยายออกสู่วงกว้างไหลบ่าเข้าท่วมทะลักบ้านเรือนประชาชน สถานที่ราชการ โรงเรียน พื้นที่การเกษตร อาทิ สวนผลไม้ สวนยางพารา และสัตว์เลี้ยง ได้รับผลกระทบอย่างหนักในพื้นที่ 6 อำเภอ และจนถึงขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมยังน่าเป็นห่วง ทางจังหวัดได้สั่งการเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามดูปริมาณน้ำที่อาจจะเพิ่มขึ้นมา อีกตลอด 24 ชั่วโมง

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมภายในวัดพระงาม ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.ตรัง ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากเมื่อวานนี้ ระดับน้ำล่าสุด 60-90 ซม. เช่นเดียวกับที่หน้าวัดควนขัน และโรงเรียนเทศบาลควนขัน ต.ทับเที่ยง เขตเทศบาลนครตรัง มีระดับน้ำสูงประมาณ 70 ซม.ถึงประมาณ 1 เมตร โดยเมื่อในช่วงเช้าที่ผ่านมาวานนี้ พระภายในวัดแห่งนี้ต้องนั่งเรือออกมาบินฑบาตร โดยล่าสุดนายชาลี กางอิ่ม นายกเทศมนตรีนครตรัง พร้อมคณะได้นำถุงยังชีพ ข้าวสาร อาหารแห้ง ยารักษาโรค และน้ำดื่ม ไปมอบเพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะเดียวกัน นายสัญญา ศรีวิเชียร รองนายกเทศมนตรีนครตรัง ฝ่ายการศึกษา ได้ประกาศหยุดโรงเรียนเทศบาลวัดควนขันแล้ว 1วัน เพื่อรอดูสถานการณ์น้ำท่วมส่วนพื้นที่ 2 ชุมชนในเขตเทศบาลนครตรัง คือ พื้นที่ชุมชนควนขนุน และชุมชนควนขัน ประชาชนกว่า 350 หลังคาเรือนได้รับผลกระทบกระแสน้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้าน ตั้งแต่ช่วงกลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา

นายโสเหมกุล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตรัง กล่าวว่า ทางจังหวัดตรังได้ประกาศให้พื้นที่ทั้งหมด 6 อำเภอ 23 ตำบล 119 หมู่บ้าน เป็นพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินแล้ว ประกอบด้วย อ.รัษฎา มีพื้นที่ประสบภัย 4 ตำบล 13 หมู่บ้าน อ.วังวิเศษ จำนวน 5 ตำบล 33 หมู่บ้าน อ.ห้วยยอด จำนวน 6 ตำบล 25 หมู่บ้าน อ.นาโยง 3 ตำบล 6 หมู่บ้าน อ.เมืองตรัง จำนวน 2 ตำบล 9 หมู่บ้าน และ 1 เทศบาล อ.ปะเหลีบน จำนวน 3 ตำบล 33 หมู่บ้าน ทั้งนี้ในเบื้องต้นคาดว่าน่าจะมีประชาชน ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมไม่น้อยกว่า 5,000 ครัวเรือน

หน.สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตรัง กล่าวด้วยว่า จากที่ได้รับรายงาน ทราบว่าล่าสุดบางพื้น ที่สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มดีขึ้นเนื่องจากฝนหยุดตกติด กันหลายชั่วโมง ทำให้ระดับน้ำลดลงมาบ้างแต่ก็ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ยังต้องเฝ้าระวังอย่าง ต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 4 อำเภอ ที่ติดกับแม่น้ำตรัง คือ อ.รัษฎา อ.วังวิเศษ อ.ห้วยยอด และ อ.เมืองตรัง เนื่องจากน้ำจากพื้นที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ยังคงไหลทะลักเข้ามายังพื้นที่ ส่วนทางด้านพื้นที่ที่อยู่ติดกับเทือกเขาบรรทัด ใน 3 อำเภอ คือ อ.ปะเหลียน อ.ย่านตาขาว และอ.นาโยง ยังต้องเฝ้าระวังภาวะเหตุการณ์ดินโคลนถล่ม เนื่องจากในอดีตก็เคยเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว จึงได้สั่งการให้มิสเตอร์เตือนภัยในทุกอำเภอเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ของน้ำ อย่างใกล้ชิด

--------------------------------------------------------------------------------------

ยะลา-สรุปสถานการณ์น้ำท่วมเบื้องต้นราษฏรเดือดร้อนกว่า 3 หมื่นคน [ ครอบครัวข่าว : 9 พ.ย. 52 ]

นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุฝนตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่จังหวัดยะลา จนเป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่ ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม จังหวัดยะลา ได้รายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดยะลาว่า พื้นที่ประสบเหตุอุทกภัย มีจำนวนทั้งสิ้น 8 อำเภอ 55 ตำบล 282 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน จำนวน 9,692 ครัวเรือน จำนวน 34,173 คน มีผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วม จำนวน 6 ราย และได้รับบาดเจ็บ 2 ราย พื้นที่การเกษตรเสียหาย จำนวน 8,143 ไร่ บ่อเลี้ยงปลา จำนวน 806 บ่อ สัตว์ปีก จำนวน 5,963 ตัว และสัตว์เลี้ยงได้รับความเสียหายอีก 1,674 ตัว ความเสียหายด้านสาธารณประโยชน์นั้นพบว่า บ้านเรือนราษฎรเสียหายบางส่วน 1,375 หลัง เสียหายทั้งหลัง 17 หลัง สะพานเสียหาย 59 แห่ง ถนน 362 สาย ท่อระบายน้ำ 13 แห่ง โรงเรียนเสียหาย 9 หลัง วัด และมัสยิดเสียหาย 7 แห่ง สำหรับด้านการให้ความช่วยเหลือนั้น ขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาได้อนุมัติเงินงบประมาณให้อำเภอละ 1 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือประชาชน หากไม่เพียงพอทางจังหวัดก็จะอนุมัติเงินเพิ่มให้อีก สำหรับประมาณการด้านความเสียหายนั้น ในขณะนี้ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจ และจัดทำงบประมาณในการแก้ปัญหา นอกจากนี้ ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา ยังได้มีการจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกดูแลสุขภาพของประชาชนทุกพื้นที่แล้ว
นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ยังกล่าวอีกว่า จากการติดตามรายงานสภาวะอากาศพบว่า ในช่วงนี้ฝนจะหยุดตกในพื้นที่จังหวัดยะลาระยะหนึ่ง และจะมีล่องความกดอากาศต่ำเคลื่อนเข้าสู่พื้นที่ ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่อีกครั้งประมาณ วันที่ 12 พฤศจิกายน นี้ จึงขอเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ระมัดระวังน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในระลอกต่อไปด้วย


--------------------------------------------------------------------------------------
สภาวะน้ำท่วม ในพื้นที่ยะลา เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ [ ไทยรัฐ : 10 พ.ย. 52 ]

วันนี้ ( 10 พ.ย. 52) บรรยากาศทั่วไปในพื้นที่ จ.ยะลา มีท้องฟ้าโปร่งใสอากาศดีไม่มีฝนตกลงมา ประชาชนที่บ้านเรือนถูกน้ำท่วมได้เริ่มเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านเรือนส่วน สถานศึกษาโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วมขังในวันนี้ครูและนักเรียนต่างก็ได้ช่วย ทำความสะอาดเช่นกันโดยมีรถน้ำจากเทศบาลนครยะลาและจากองค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นสนับสนุนรถน้ำและร่วมทำความสะอาด

ด้านนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ รอง ผวจ.ยะลา กล่าวว่า ทางจังหวัดได้เร่งรัดให้ทางเกษตรจังหวัด ปศุสัตว์จังหวัดและสาธารณสุขจังหวัดให้ลงไปช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาจะสนับสนุนงบให้กับนายอำเภอแต่ละอำเภอจำนวน 1ล้านบาท ในการนำไปช่วยเหลือราษฏรที่ได้รับความเดือดร้อนในครั้งนี้แล้ว

นอกจากนี้ รอง ผวจ.ยะลาได้สั่งการไปยังสาธารณสุขจังหวัด ให้ออกไปแจกจ่ายยาสามัญประจำบ้านแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและถูกน้ำ ท่วมขังอยู่เนื่องจากเกรงว่าอาจจะเกิดโรคที่มากับน้ำได้ในช่วงนี้พร้อมกัน นี้ได้ขอให้ทางจังหวัดและอำเภอได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกไปทำความสะอาดล้างบ่อน้ำ ให้กับชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมขังเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดโรคที่มากับน้ำดังกล่าว

--------------------------------------------------------------------------------------
ปัตตานี-น้ำท่วมยังวิกฤต [ ครอบครัวข่าว : 10 พ.ย. 52 ]

ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา ทางจังหวัดแจ้งเตือนว่าเขื่อนปัตตานียังต้องเปิดประตูกั้นน้ำทั้ง 7 บาน เพื่อช่วยระบายน้ำจากพื้นที่ จ.ยะลา ให้ไหลลงสู่อ่าวไทย จึงเป็นเหตุทำให้น้ำหลากลงสู่แม่น้ำปัตตานี ที่กำลังเอ่อล้นตลิ่งอยู่แล้วไหลทะลักขยายวงกว้างเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 4 อำเภอใต้เขื่อนคือ อ.ยะรัง เพิ่มเป็น 6 ตำบล แม่ลาน 2 ตำบล หนองจิก 9 ตำบล โดยบ้านเรือนประชาชนที่อยู่หลังเขื่อน ซึ่งระดับน้ำที่สูงอยู่แล้วก็จะสูงเพิ่มขึ้นอีก 40 ซม. ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก โดยขณะนี้น้ำมีปริมาณจุดสูงสุดได้ผ่านพื้นที่ ตำบลยาบี อ.หนองจิก และได้ไหลเจิ่งนองเข้าเขตพื้นที่ อ.เมือง ตั้งแต่เมื่อคืน เพิ่มเป็น 10 ตำบลรวมไปถึงเขตเทศบาลเมืองด้วย

ประชาชนจำนวนมากที่ได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถอาศัยอยู่ในบ้านได้ต้องขนสิ่งของออกมาอาศัยหลับนอนอยู่บนถนนสายหลักมากขึ้น จึงทำให้เต็นท์ที่ทาง อบต.ในแต่ละท้องที่เตรียมไว้ให้ไม่เพียงพอกับความต้องการของประชาชน ซึ่งบางคนต้องขนย้ายสิ่งของไปเก็บไว้ใต้สะพานสูงที่น้ำท่วมไม่ถึงเพื่อหลบแดด และหลับนอนไปจนกว่าทางหน่วยงานราชการจะมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม

ส่วนโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม 10 แห่ง หยุดการเรียนการสอนโดยไม่มีกำหนด หลังระดับน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร และหากน้ำยังคงเพิ่มขึ้นคาดว่าจะปิดเพิ่มอีกหลายพื้นที่ ซึ่งมีเพียงครูเท่านั้นที่เดินทางมาเก็บเอกสาร และอุปกรณ์การเรียน การสอน ป้องกันการเสียหาย โดยมีกำลังทหารนำเรือมาคอยดูแลพร้อมทั้งอำนวยความสะดวกให้

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดในขณะนี้มี 8 อำเภอ ลดลงเหลือ 26 ตำบล 88 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 37 หลัง ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเพิ่มเป็น 9,279 ครัวเรือน 27,027 คน พื้นที่การเกษตรเสียหายเกือบ 10,000 ไร่

--------------------------------------------------------------------------------------

ข้อมูลอ้างอิง
  • ไทยรัฐ : http://www.thairath.co.th
  • เดลินิวส์ : http://www.dailynews.co.th/
  • ครอบครัวข่าว : http://www.krobkruakao.com