ข่าวจากหนังสือพิมพ์

--------------------------------------------------------------------------------------
ศชอ.เฝ้าระวังฝนถล่มเมืองลุงต่อเนื่องถึง 9 ธ.ค. [ ไทยรัฐ : 7 ธ.ค. 53 ]

เมื่อ วันที่ 7 ธ.ค. ที่ศูนย์ประสานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย (ศชอ.) ทำเนียบรัฐบาล นายวิทเยนทร์ มุตตาระ รอง ผอ.ศชอ. เปิดเผยว่า นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศชอ. ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานในพื้นที่ จ.พัทลุง ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมขังและปัญหาดินเลนถล่มอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีฝนตกหนักต่อไปจนถึงวันที่ 9 ธ.ค. นี้ ซึ่งขณะนี้ได้มีการแจ้งเตีอนภัยในพื้นที่ อ.ร่อนพิบูลย์ อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช อ.หลังสวน จ.ชุมพร โดยพื้นที่ตั้งแต่ จ.ชุมพร ลงไปอาจจะมีปัญหาน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหล หลากจึงขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด นอกจากนั้นยังได้มีการประสานกับกรมชลประทานในการเร่งผลักดันน้ำออกสู่ทะเล โดยเร็วที่สุด เนื่องจากยังคงมีปริมาณน้ำหลากเทือกเขาลงสู่พื้นที่อย่างต่อเนื่อง

ขณะ ที่ จ.ตรัง นายโส เหมกุล ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตรัง ฝากแจ้งเตือนไปยังอำเภอต่างๆ รวมไปถึงมิสเตอร์เตือนภัยให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ในพื้นที่ จ.ตรัง ยังมีปริมาณน้ำสะสมอยู่ เนื่องจากเมื่อต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ได้เกิดภาวะน้ำท่วมขัง ซึ่งหากยังมีฝนตกลงมาอีกจะทำให้พื้นที่ จ.ตรัง ประสบภาวะน้ำท่วมอีกครั้ง จึงขอฝากเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำตรัง และริมฝั่งแม่น้ำปะเหลียน ให้เฝ้าระวังการเกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลัน ส่วนประชาชนที่อาศัยอยู่ที่ลาดเชิงเขาให้ระวังดินโคลนถล่ม ที่อาจเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ โดยจากการตรวจสอบระดับน้ำในลำคลองต่างๆ เริ่มมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น และถ้าหากเพิ่มสูงขึ้นขอให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่ทันที เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดได้เตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง ในการเฝ้าติดตามภาวะฝนที่ตกอยู่ในขณะนี้ ถ้าหากประชาชนได้รับความเดือดร้อนขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบทันที เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้เข้าไปช่วยเหลือประชาชนผู้ที่ประสบภัยเป็นการด่วน

--------------------------------------------------------------------------------------
นครศรีฯ อ่วมอีกระลอก น้ำป่าทะลักร่อนพิบูลย์จมน้ำหลายจุด [ ผู้จัดการออนไลน์ : 7 ธ.ค. 53 ]

        วันนี้ (7 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครศรีธรรมราชว่า สภาพฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องติดต่อกันมาเป็นวันที่ 3 ทำให้ทุกพื้นที่ของนครศรีธรรมราชมีระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากที่ลดลงไปแล้วเมื่อ 4-5 วันก่อน น้ำในลำคลองสายหลักทุกสายระดับน้ำเพิ่มจนเต็มตลิ่ง ซึ่งตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาน้ำป่าได้ไหลหลากจากเทือกเขาหลวงในพื้นที่ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ลงมาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้หลายจุดมีระดับน้ำท่วมขังสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก

นายพงศว์เฑพ จิรสุขประเสริฐ นายอำเภอร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าขณะนี้พื้นที่น้ำท่วมได้กระจายหลายพื้นที่ เช่น ในหมู่ 4, หมู่ 5, หมู่ 6, หมู่ 7, หมู่ 8, หมู่ 10, หมู่ 14 ต.ร่อนพิบูลย์ และหมู่ 1, หมู่ 2, หมู่ 5, หมู่ 6, หมู่ 7 ต.เสาธง นอกจากนั้นคือ ต.ควนพัง ต.ควนชุม ในขณะเดียวกันมีน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมผ่านถนนสายนครศรีธรรมราช-ร่อนพิบูลย์ เป็นระยะๆ

โดยทุกพื้นที่มีระดับน้ำสูงประมาณ 50 ซม.ถึง 1 เมตร ซึ่งบริเวณเชิงเขาจะเป็นพื้นที่ที่น้ำสามารถระบายได้เร็วไม่น่าเป็นห่วง คงมีเฉพาะพื้นราบด้านล่างที่น้ำถ่ายเทมากองอยู่ที่ ต.เสาธง ต.ควนพัง ต.ควนชุม ในขณะเดียวกันการระบายน้ำเป็นไปอย่างล่าช้าเนื่องจากฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นตลอดเวลาและพื้นที่รับน้ำทั้งหมดอิ่มตัวหมดแล้ว ส่งผลให้การระบายน้ำเหล่านี้ก้อนน้ำจะไปสร้างปัญหาให้กับพื้นที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำของ อ.ร่อนพิบูลย์

“ส่วนพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มในเขาช้างสี ต.หินตก อ.ร่อนพิบูลย์ ชาวบ้านได้เฝ้าระวังพร้อมเคลื่อนย้ายอพยพทันทีหากมีสัญญาณบ่งบอกถึงอันตราย และในพื้นที่เองมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด มีการกำหนดจุดปลอดภัยในการอพยพซึ่งเป็นจุดที่คำนวณแล้วไม่มีอันตรายจากดินถล่ม ชาวบ้านจะสามารถเคลื่อนย้ายและไปรวมตัวกันได้ทันทีโดยใช้เวลาไม่นาน” นายอำเภอกล่าว

ส่วนการติดตามสถานการณ์ของทุกพื้นที่ที่มีการแจ้งเตือนจากกรมทรัพยากรธรณีต่อความเสี่ยงกับเหตุการณ์ดินถล่ม คือ อ.ฉวาง อ.ลานสกา อ.พรหมคีรี อ.ร่อนพิบูลย์ อ.สิชล อ.ขนอม และอ.เมืองบางส่วน ซึ่งอยู่ในแนวของเทือกเขาหลวงทั้งหมดฝนยังคงตกลงมาอย่างหนักโดยเฉพาะในพื้นป่าเขา ทำให้ดินชุ่มน้ำเต็มที่หลายจุดมีน้ำป่าไหลหลากลงมาเป็นระยะ แต่ละจุดได้มีการกำหนดพื้นที่ปลอดภัยไว้สำหรับอพยพเพื่อมาร่วมตัวกันได้ทันที

--------------------------------------------------------------------------------------
ชุมพรฝนตกหนักทำน้ำท่วมหลายพื้นที่-สะพานขาด [ ผู้จัดการออนไลน์ : 7 ธ.ค. 53 ]
      
       วันนี้ (7 ธ.ค.) นายจักร์พงศ์ เปี่ยมเมตตา นายอำเภอหลังสวน จ.ชุมพร เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงค่ำของเมื่อวานจนถึงขณะนี้ ได้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันอย่างต่อเนื่องใน อ.หลังสวน โดยวัดปริมาณน้ำฝนได้ 116 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าฝนตกหนักมาก ส่งผลให้มีน้ำป่าไหลหลาก ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน และขนย้ายสิ่งของหนีน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ของ อ.หลังสวน

เบื้องต้นได้รับรายงานจากหน่วยงานเกี่ยวข้อง มีพื้นที่ประสบภัยปริมาณน้ำฝนไหลหลากเข้าท่วมทีบริเวณถนนสาย 4006 หลังสวน -ระนอง หลัก กม.ที่ 3 ต.วังตะกอ น้ำกัดเซาะถนนช่องทางด้านซ้ายชำรุดเสียหายพื้นผิวการจราจรมีน้ำท่วมสูง 30 ซม. และถนนสายเอเชีย 41 หลัก กม.ที่ 571 ต.วังตะกอ อ.หลังสวน หน้าโรงเรียนบริหารธุรกิจ ถนนช่องทางขาขึ้นมีน้ำไหลบ่าเข้าท่วมขังจนรถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งหมวดการทางหลังสวน ได้นำเครื่องหมายไปแสดงป้องกันอุบัติเหตุ และนำรถเบ็กโฮไปขุดลอกร่องน้ำให้ไหลระบายได้สะดวกเร็วขึ้น

นายชนะ เกิดเนตร ส.อบจ.ชุมพร กล่าวว่า จากกรณีที่ฝนตกหนักต่อเนื่องดังกล่าว ทำให้สะพานข้ามคลองปิ หมู่ที่ 8 ต.วังตะกอ เชื่อต่อ หมู่ที่ 7 ต.หาดยาย อ.หลังสวน ถูกน้ำป่าไหลหลากพัดคอสะพานจนทรุด ส่งผลให้รถยนต์ไม่สามารถผ่านไปมาได้ ทำให้ชาวบ้านที่ใช้สะพานดังกล่าว 2 ตำบล นับพันคนได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากทั้ง 2 ตำบลไม่มีเส้นทางอื่นอีก ขณะนี้ได้แจ้งนายอำเภอหลังสวนให้ทราบแล้ว

ด้านนายพินิจ เจริญ พานิช ผวจ.ชุมพร ในฐานะ ผอ.ศูนย์เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่มได้ออกประกาศถึงหน่วยงานเกี่ยวข้อง ให้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ จากกรณีฝนตกหนักต่อเนื่อง โดยขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก

ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้นคลื่นสูง 2 - 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กห้ามออกจากฝั่งในระยะนี้ โดยขณะนี้มีปริมาณฝนปกคลุมทั้ง 8 อำเภอในพื้นที่ จ.ชุมพร วัดได้ที่ อ.หลังสวน 128 มม. อ.ละแม 27 มม. ต.ปังหวาน อ.พะโต๊ะ 49 มม. อ.ทุ่งตะโก 28 มม. อ.สวี 26 มม. อ.เมืองชุมพร 40 มม. ต.สลุย อ.ท่าแซะ 5 มม. อ.ปะทิว 10 มม.

ขอให้ประชาชน ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั้ง 8 อำเภอ โดยเฉพาะ อ. ละแม และ อ.หลังสวน ให้เฝ้าระวังอันตรายจากน้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม ทั้งนี้ให้ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายเฝ้าระวังในพื้นที่ เช่น มิสเตอร์เตือนภัย เครือข่ายกรมทรัพยากรธรณี ที่ประจำอยู่ในหมู่บ้านวัด ปริมาณน้ำฝนอย่างต่อเนื่อง หากเกิดเหตุให้แจ้งเตือนให้ประชาชนในหมู่บ้านได้รับทราบ

พร้อมทั้งประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ เตรียมความพร้อมให้การช่วยเหลือประชาชนในกรณีที่เกิดภัย จัดเจ้าหน้าที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง หากสถานการณ์มีความรุนแรงให้ดำเนินการตามขั้นตอนของแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้สามารถช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที และรายงานสถานการณ์ให้จังหวัดทราบทุกระยะจนกว่าสถานการณ์จะยุติ ทางโทรศัพท์ /โทรสาร หมายเลข 077 - 501207 และ 077-50 2257

--------------------------------------------------------------------------------------
น้ำท่วมตรัง สูญ 200 ล้าน สังเวย 4 ศพ [ ไทยรัฐ : 6 ธ.ค.]

เมื่อ วันที่ 6 ธ.ค. นายโส เหมกุล ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตรัง สรุปสถานการณ์น้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 1-20 พ.ย. มีพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย จำนวน 9 อำเภอ จากทั้งหมด 10 อำเภอ ยกเว้นพื้นที่ อ.หาดสำราญ เพียงอำเภอเดียวที่ไม่ประสบภัยน้ำท่วม โดยมีผู้ได้รับความเดือดร้อน จำนวน 9 เทศบาล 69 ตำบล 479 หมู่บ้าน 33,291 หลังคาเรือน ประชาชนเดือดร้อน 114,454 คน คิดเป็นร้อยละ 66 ของหมู่บ้านทั้งหมด และพบมีผู้เสียชีวิต 4 ราย ส่วนพืชผลทางการเกษตรทั้งนาข้าว สวนปาล์มน้ำมัน สวนยางพารา และอื่นๆ ได้รับความเสียหายกว่า 40,000 ไร่ ถนนหนทางชำรุด 60 สาย สะพานขาด 13 แห่ง คิดมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว คือการแต่งตั้งคณะทำงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ขึ้น 3 คณะ โดยเฉพาะพื้นที่สองฝั่งแม่น้ำตรัง ชุมชนวัดควนขัน และชุมชนวัดแจ้ง ในเขตเทศบาลนครตรัง
นายโส กล่าวด้วยว่า จากการประเมินความเสียหายดังกล่าว เกิดจากภาวะน้ำท่วมรอบแรก แต่ยังไม่รวมภาวะน้ำท่วมรอบที่ 2 ใน 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองตรัง อ.นาโยง และอ.ห้วยยอด รวม 10 ตำบล 15 หมู่บ้าน ซึ่งน้ำไหลเอ่อท่วมขังเป็นรอบที่ 2 และ 3 ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา และขณะนี้แม่น้ำตรังยังเอ่อล้นตลิ่ง ทำให้ยังมีน้ำท่วมขังใน 4 ตำบล ได้แก่ ต.นาตาล่วง, ต.หนองตรุด ต.นาท่ามใต้ และ ต.บางรัก อ.เมืองตรัง ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 150 หลังคาเรือน ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำยังท่วมสูง 20-80 เซนติเมตร เนื่องจากยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่หากไม่มีน้ำเหนือไหลสะเด็ดมาจาก จ.นครศรีธรรมราช ไหลลงมาสมทบ อาจทำให้ระดับน้ำลดลงได้ในเร็วๆ นี้


--------------------------------------------------------------------------------------
น้ำท่วมพัทลุงเริ่มคลาย-ระวังดินถล่มเทือกเขาบรรทัด [ ไทยรัฐ : 4 ธ.ค. 53 ]

 เมื่อเวลา 13.45 น. 4 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.พัทลุง หลังเกิดพายุฝนตกหนักเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ว่า ล่าสุดฝนได้หยุดตกแล้ว โดยทางจังหวัดยังคงเฝ้าระวังเหตุดินสไลด์ บริเวณเทือกเขาบรรทัด อย่างใกล้ชิด ส่วนระดับน้ำในจังหวัด ขณะนี้เริ่มลดลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้วทั้งหมด เหลือเพียงประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมทะเลสาบลำปำ และทะเลน้อย อ.เมือง และ อ.ควนขนุน ซึ่งยังได้รับความเดือดร้อน จากน้ำท่วมสูงประมาณ 30 ซม. ท่วมพื้นผิวการจราจร และมีน้ำที่ยังไหลลงทะเลสาบไม่ทันอีกจำนวนหนึ่ง น้ำทะลักเข้าท่วม บ้านเรือนประชาชน ประมาณ 4 หมู่บ้าน  มีบ้านเรือนและประชาชน ประมาณ 10 หลังคาเรือน ที่บ้านหัวป่าเขียว ต.ทะเลน้อย  อ.ควนขนุน จ. พัทลุง รับความเดือดร้อน ต้องย้ายมาพักอาศัย ที่ ศูนย์ศิลปาชีพแทนเป็นการชั่วคราว อย่างไรก็ดี หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มใน 1-2 วันนี้ สถานการณ์น่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

นาย พิสิษฐ บุญช่วง ผู้ว่าราชการ จ.พัทลุง กล่าวถึง การทำข้อมูลครอบครัวที่ประสบน้ำท่วมในพื้นที่จ.พัทลุง เพื่อรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล ครอบครัวละ 5,000 บาท ซึ่งจัดทำเสร็จแล้ว มีทั้งหมด 24,133 ครอบครัว ส่วนความเสียหายด้านปศุสัตว์ นาข้าว สวนยาง ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณสิ้นเดือน ธ.ค.นี

--------------------------------------------------------------------------------------
เมืองคอนอ่วม น้ำท่วมสูง 2-3 เมตร [ ไทยรัฐ : 2 ธ.ค. 53 ]

2 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากนครศรีธรรมราชว่า จากสภาพฝนที่ตกหนักมาต่อเนื่องในช่วงนี้ ทำให้เกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลันขึ้นเป็นรอบที่ 3 ของจังหวัด โดยบริเวณที่ท่วมหนักคือท้องที่หมู่ 8 ต.หินตก อ.ร่อนพิบูลย์ น้ำไหลบ่าเข้าท่วมสูงประมาณ 2 เมตร ขณะที่ด้านท้ายหมู่บ้านสูง 3 เมตร ทำให้หมู่บ้านดังกล่าวถูกตัดขาดจากโลกภายนอก

ด้านนายไกรสร บัวคง ผู้ใหญ่บ้าน ได้โทรศัพท์ติดต่อขอความช่วยเหลือจากภายนอก ซึ่งนายธีระ มินทราศักดิ์ ผวจ.นครศรีธรรมราช สั่งการให้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแล้ว

นอก จากนี้ที่บ้านสามร้อยกล้า หมู่ 5 ต.หินตก อ.ร่อนพิบูลย์ น้ำท่วมหนักเช่นเดียวกัน ความสูงของน้ำประมาณ 1.5-2 เมตร พื้นที่การเกษตรจมอยู่ใต้น้ำ และน้ำไหลบ่าท่วมถนนสายนครศรีธรรมราช-ทุ่งสง ในช่วงที่ผ่านหมู่บ้านดังกล่าว ความสูงน้ำบนถนนประมาณ 50 เซนติเมตร การจราจรติดขัดอย่างหนัก

และรายงานล่าสุดในช่วงบ่ายที่ผ่านมา ที่อ.ชะอวด ถูกน้ำท่วมในต.ขอนหาด ต.เคร็ง ต.ท่าประจะ ระดับน้ำเฉลี่ยประมาณ 1 เมตร และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มระดับสูงขึ้น เนื่องจากยังไม่มีทีท่าว่าฝนจะหยุดตก สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจ.นครศรีธรรมราช ประกาศเตือนประชาชนให้ระมัดระวังน้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม และให้พื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมพร้อมสำหรับการอพยพประชาชน

--------------------------------------------------------------------------------------
สุราษฎร์ฝนตกอีก เฝ้าระวังน้ำท่วมดินถล่ม [ สำนักข่าวไทยมุสลิม : 1 ธ.ค. 53 ]
  สภาพอากาศที่ จ.สุราษฎร์ธานียังคงมีฝนตกโปรยปรายสลับกับตกหนักเป็นบางช่วง โดยที่ทางจังหวัดยังย้ำเตือนให้ประชาชนเฝ้าระมัดระวังเรื่องน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากต่อเนื่อง ซึ่งพื้นที่เสี่ยงน้ำป่าไหลหลากยังอยู่ในพื้นที่ อ.ไชยา ส่วนน้ำท่วมยังเฝ้าระวังริมแม่น้ำเพราะบางพื้นที่ยังมีน้ำท่วมขังโดยเฉพาะ 6 ตำบลของ อ.เมืองและ 5 ตำบลของ อ.พุนพิน เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ลุ่มและอยู่ริมแม่น้ำตาปี ขณะที่ยังมีน้ำทะเลหนุนเพิ่มขึ้นมาอีกในบางช่วง จึงทำให้น้ำท่วมขังเรื่อย ๆ บางช่วงลดบางช่วงเพิ่มโดยเฉลี่ยระดับน้ำสูงประมาณ 40-50 ซม.ทำให้การสัญจรไปมาไม่สะดวก

     ส่วนการฟื้นฟูสำหรับพื้นที่ระดับน้ำ ลดลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติ นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล ผวจ.สุราษฎร์ธานี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน แล้ว รวมทั้งพิจารณาเงินงบประมาณที่ใช้ในการซ่อมแซมบูรณะสิ่งสาธารณูปโภคต่างๆ อาทิ ถนนหนทาง สะพาน ท่อระบายน้ำ ครุภัณฑ์และยานพาหนะของทางราชการที่ชำรุดเสียหายในระหว่างปฏิบัติงานช่วย เหลือผู้ประสบภัย อาทิ อ.ท่าชนะ ที่น้ำท่วมขังมากที่สุดในช่วงวันที่ 1-2 พ.ย.ครุภัณฑ์ของทางราชการได้รับความเสียหายค่อนข้าง รวมทั้ง อำเภออื่น ๆ ตามระดับความเสียหาย

     ทั้งนี้จากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั้ง จังหวัด ส่งผลให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ 19 อำเภอ 128 ตำบล 953 หมู่บ้าน 63,838 ครัวเรือน 211,069 คน ผู้เสียชีวิต 9 ราย พื้นที่การเกษตรเสียหาย(สำรวจ 25 พ.ย.53 ) จำนวน 261,784 ไร่ ปศุสัตว์(ตาย/สุญหาย) 20,628 ตัว ถนนหลายสายถูกตัดขาด และเกิดดินถล่มในหลายพื้นที่ รวมมูลค่าความเสียประมาณ 2,079,545,000 บาท

     ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมขังพื้นที่ราบ ลุ่มริมแม่น้ำที่บางช่วงมีน้ำทะเลหนุน ในการนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งฟื้นฟูบูรณะพื้นที่ประสบภัยให้กลับ มาอยู่ในสภาวะปกติโดยเร็วแต่กรณีที่ราษฎรยังได้รับความเดือดร้อนให้ช่วย เหลือต่อเนื่อง

--------------------------------------------------------------------------------------
พัทลุงท่วมรอบ 3 ชาวบ้านพันครอบครัวระทม [ ไทยรัฐ : 29 พ.ย. 53 ]

เมื่อวัน ที่ 29 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.พัทลุง ส่งผลให้น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนประชาชนใน หลายอำเภอของ จ.พัทลุงเป็นรอบที่ 3 โดยเฉพาะหมู่ 1 และหมู่ 9 ต.เขาชัยสน หมู่ 6, 12 และ 14 ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน หมู่ 3 และหมู่ 8 ต.ป่าบอน อ.ป่าบอน รวมทั้งหมู่ 6 ต.นาโหนด อ.เมือง ทำให้ประชาชนมากกว่า 1,000 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม

ขณะเดียวกันศูนย์ป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย จ.พัทลุง ได้ประกาศเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังฝนตก น้ำป่าและดินถล่มอย่างต่อเนื่อง หลังมีดินภูเขาในพื้นที่หมู่ 3 และหมู่ 4 ต.ลำสินธุ์ อ.ศรีนครินทร์ ขณะที่ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก แจ้งเตือนพื้นที่ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส จะมีฝนตกและฝน ตกหนักในบางแห่งต่อไปอีก 1-2 วัน จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

--------------------------------------------------------------------------------------