18 ก.ย.63 - เมื่อเวลา 07.30 น.มีรายงานสถานการณ์พายุโนอึลพัดผ่านประเทศไทย ซึ่งจ.ขอนแก่นได้รับผลกระทบตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลาประมาณ 04.00 น.ที่ผ่านมา โดยได้เกิดพายุฝนตกลงมาอย่างหนัก มีลมกระโชกแรง ทำให้เกิดน้ำท่วมขังถนนหลายเส้นทาง โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ที่มีฝนตกลงมาอย่างหนัก โดยเฉพาะที่ถนนบ้านกอก ตั้งแต่ช่วงหน้าโรงเรียนบ้านกอก ยาวมาถึงเกือบ 4 แยกไฟแดง ถนนบ้านกอกตัดกับถนนมิตรภาพ ระยะทางประมาณกว่า 2 กม. ระดับน้ำที่ท่วมสูงอยู่ที่ระดับ 30-50 ซม. ทั้งยังคง
เอ่อล้นท่วมฟุตบาทเข้าไปในบ้านเรือนและร้านค้าของประชาชน ทำให้พ่อค้าแม่ค้าไม่สามารถขายของได้ และเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนที่นักเรียน นักศึกษา รวมทั้งผู้ปกครองต่างต้องเดินทางไปเรียน ไปส่งบุตรหลานและไปทำงาน ทำให้ประมาณรถต่างออกเดินทางในช่วงนี้จำนวนมาก ทำให้การจราจรติดขัด รถทุกชนิดสัญจรด้วยความยากลำบาก รถเล็กดับกลางทางหลายคัน ด้านนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า จังหวัดได้มีประกาศคำสั่งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังและตรวจสอบผลกระทบจากพายุโนอึลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขอนแก่น
ได้รับผลกระทบโดยตรง ทำให้เจ้าหน้าท่ทุกฝ่ายจะต้องเฝ้าระวังพร้อมรับมือและเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ทันท้วงทีตลอด 24 ชม. และขอให้ติดตามข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น สำหรับในพื้นที่ไหน จุดไหนเคยน้ำท่วมซ้ำซาก ให้เตรียมตัวให้พร้อม ขนย้ายทรัพย์สินของมีค่าขึ้นบนที่สูง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามสำรวจความเสียหายและความเดือดร้อนของประชาชนทุกพื้นที่ของจังหวัด และในช่วงบ่ายเป็นต้นไปตามการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา จะมีพายุฝนตกลงมาอย่างหนักไปจนถึงช่วงค่ำของให้ทุกคนระมัดระวัง
จีสด้า เผยข้อมูลจากดาวเทียม COSMO-SkyMed-4 ของวันที่ 19-20 ก.ย.นี้ พบพื้นที่น้ำท่วมจากพายุโนอึลทั้งประเทศ 245,479 ไร่ พบบริเวณ จ.สุโขทัย 211,337 ไร่ จ.พิษณุโลก รวม 34,142 ไร่ ขณะที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ยังปิดให้บริการน้ำตกภูสอยดาวและลานสน
วันนี้ (20 ก.ย.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 16 หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงโนอึลมีผลกระทบจนถึงวันที่ 20 ก.ย.นี้ โดยระบุว่าโนอึล ที่ปกคลุมบริเวณอ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุระดับ 1 (หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง) บริเวณจ.พิษณุโลกแล้ว
ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประ เทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนมากทางด้านตะวันตกของประเทศไทยและด้านรับลมมรสุมของภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ คาดว่าพื้นที่ที่ยังคงมีฝนตกหนักได้ มีดังนี้ ภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก และกำแพงเพชร ภาคกลาง จ.ราชบุรี กาญจนบุรี อุทัยธานี และชัยนาท ภาคตะวันออก จ.จันทบุรี และตราด
ภาคใต้ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และระนอง
พื้นที่สุโขทัย-พิษณุโลก น้ำท่วมกว่า 34,142 ไร่ ขณะที่หลายจังหวัดยังมีผลกระทบจากฝนตกและน้ำท่วม ล่าสุดสำนักพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (จีสด้า) เผยข้อมูลจากดาวเทียม COSMO-SkyMed-4 ของวันที่ 19-20 ก.ย.นี้ พบพื้นที่น้ำท่วมจากพายุโนอึล ทั้งประเทศ 245,479 ไร่ พบบริเวณ จ.สุโขทัย 211,337 ไร่ จ.พิษณุโลก รวม 34,142 ไร่ ส่วนในภูมิภาคอื่นๆ ยังไม่พบพื้นที่น้ำท่วมขัง ส่วนพื้นที่ จ.ตราด ยังมีฝนตกต่อเนื่องตลอดทั้งวัน จนน้ำระบายไม่ทัน ทำให้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ภายในซอยบัวเขียว หมู่ 2 ต.วังกระแจะ อ.เมืองตราด โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตราด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบและเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ ส่วนแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ เช่น อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ประกาศปิดน้ำตกภูสอยดาวและลานสน แบบไม่มีกำหนด เนื่องจากพายุโนอึล ทำให้ต้นไม้ล้มทับเส้นทางเดินเท้า ส่วนสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดใหญ่ทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกัน 37,208 ล้าน ลบ.ม.หรือคิดเป็นร้อยละ 49 ของความจุอ่างรวมกัน เป็นปริมาณน้ำใช้การได้รวมกัน 13,383 ล้าน ลบ.ม. มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่จำนวน 35 แห่ง (1 พ.ค.63 -ปัจจุบัน) มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างประมาณ 11,575 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลัก
ลุ่มน้ำเจ้าพระยา (ภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยฯ ป่าสักฯ) มีปริมาณน้ำรวมกัน 10,300ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 41 ของความจุอ่างรวมกัน เป็นน้ำใช้การได้รวมกัน 3,614 ล้าน ลบ.ม. มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำประมาณ 44.56 ล้าน ลบ.ม. แนวโน้มสถานการณ์น้ำท่าในแม่น้ำสายหลัก 9 แห่ง (แม่น้ำชี มูล โขง น่าน ยม วัง ปิง เจ้าพระยา ป่าสัก) มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนสถานการณ์อุทกภัย มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 1 จังหวัด คือ จ.อุบลราชธาณี ตั้งแต่คืนวันที่ 17 - 18 ก.ย.นี้ วัดปริมาณน้ำฝนได้ 58.4 มม. ส่งผลให้มีน้ำท่วมขังหลายจุดในเขตเทศบาลอำเภอเดชอุดม และอำเภอวารินชำราบ โครงการชลประทานอุบลราชธานี ได้สนับสนุนเครื่องจักร เครื่องมือ อาทิ เครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว จำนวน 2 เครื่อง เครื่องสูบน้ำขนาด 4 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง รถบรรทุกน้ำติดเครนขนาด 6 ตัน จำนวน 1 คัน รถบรรทุกขนาด 4 ตัน จำนวน 1 คัน รถบรรทุกขนาด 2 ตัน จำนวน 1 คัน และรถบรรทุกน้ำ จำนวน 1 คัน พร้อมเดินเครื่องสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่แล้ว และหากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติในเร็ววัน
อิทธิพล 'พายุโนอึล' ทำทั่วไทยฝนตกหนัก จ.นครราชสีมา น้ำท่วม 6 อำเภอ หลายชุมชนถนนถูกตัดขาด ขณะที่จ.พังงา คลื่นลมแรง เรือประมงพื้นบ้านล่มกลางทะเล-ต้นไม้ล้มทับเสาไฟฟ้า ที่ จ.เพชรบูรณ์ น้ำท่วม 2 อำเภอ ถนนหลายสายถูกน้ำท่วม รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พายุโซนร้อน 'โนอึล' ได้เคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศไทย โดยมีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 75 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุกำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกอย่างช้าๆ คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน ในระยะต่อไป ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่กับมีลมแรงบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ นั้น
ล่าสุดในพื้นที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ได้มีฝนตกลงมาตลอดทั้งวันจนมาถึงช่วงเช้าของวันนี้ พบว่า ปริมาณน้ำป่าได้ไหลหลากเข้าท่วมถนน ทางเข้าหมู่บ้าน สายบ้านโนนกระเบื้อง-หนองหัวช้าง ตำบลนิคม อ.พิมาย จ.นครราชีมา ถูกน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมประมาณ 50 เซนติเมตร ระยะทางยาวประมาณ 500 เมตร ทำให้รถขนาดเล็กสัญจรผ่านเข้าออกหมู่บ้านไม่ได้ ชาวบ้าน บ้านหนองหัวช้าง หมู่ที่ 8 และ บ้านโนนกระเบื้องหมู่ที่ 7 ต.นิคม อ.พิมาย 200 หลังคาเรือนได้รับความเดือนร้อน
โดย สมพง หาผล ชาวบ้านโนนกระเบื้อง บอกว่า ฝนที่ตกลงมาตลอดทั้งวัน ทำให้ปริมาณน้ำป่าได้ไหลหลากจากที่สูง ไหลเข้าท่วมถนนคอนกรีต ทางเข้าหมู่บ้านตั้งแต่ช่วงของเมื่อคืนที่ผ่านมา ล่าสุด ปริมาณน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านต่างหวั่นวิตกเกรงว่าน้ำป่าจากที่สูงจะไหลทะลักเข้าท่วมหมู่บ้าน จึงอยากวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน
ขณะเดียวกันสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นครราชสีมา รายงานสถานการณ์น้ำท่วมทั่วทั้งจังหวัดว่า อิทธิพลของพายุโนอึลที่พัดถล่มเมื่อคืน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหลายชุมชนในพื้นที่ 6 อำเภอ ประกอบไปด้วย ในพื้นที่ อ.เมืองนครราชสีมา เกิดน้ำท่วมชุมชนทั้งหมด 19 ชุมชน, อ.ปากช่อง 5 ชุมชน, อ.เทพารักษ์ 2 ชุมชน, อ.เฉลิมพระเกียรติ 3 ชุมชน, อ.ชุมพวง 2 ชุมชน และ อ.โชคชัย 1 ชุมชน
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งสำรวจความเสียหายบ้านเรือนประชาชนเพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาต่อไป
พังงาคลื่นลมแรง เรือประมงล่มกลางทะเล-ต้นไม้ล้มทับเสาไฟฟ้า
บริเวณอ่าวพังงา อ.เมือง จ.พังงา เกิดฝนตกหนักและมีลมกระโชกแรง โดยทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา ได้เตรียมความพร้อมดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยทางเจ้าหน้าที่อุทยานเขาพิงกัน ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุเรือประมงพื้นบ้านล่มระหว่างเขาตาปูและเกาะทะลุ จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือท่ามกลางกระแสคลื่นลมแรง และมีฝนตกโปรยปราย ซึ่งขณะนั้นพบว่าได้เกิดฝนตกหนักจนทำให้พัดเข้าเรือซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันช่วยเอาน้ำออกจากเรือประมงพื้นบ้านก่อนช่วยนำกลับเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัย
สำหรับบรรยากาศโดยทั่วไปพบว่า ในพื้นที่ จ.พังงา มีคลื่นลมรุนแรง มีฝนตกหนักถึงหนักมาก และตกกระจายทั่วทั้งจังหวัด สำหรับคลื่นลมแรงบริเวณชายหาด พบว่ามีคลื่นกระทบฝั่งอย่างรุนแรง สูงประมาณ 5–7 เมตร สร้างความเสียหายให้แก่ชายฝั่งริมชายหาด บ้านบางเนียง ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า ทางประชาชนที่อาศัยในบริเวณดังกล่าวต้องย้ายออกไปอาศัยในที่ปลอดภัย
นอกจากนี้ เมื่อเวลา 10.30 น. สิริธร บัวแก้ว รองนายกเทศมนตรีตำบลคึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ได้รับแจ้ง ต้นไม้ขนาดใหญ้ บริเวณศาลเจ้าพ่อเขาหลัก ตรงข้ามที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู ล้มขวางถนนเพชรเกษม และทับสายไฟแรงสูงขนาด 115KVA ทำให้ไฟฟ้าดับทั้งเมือง จนรถติดเป็นทางยาวไม่สามารถเดินทางไปมาได้
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลัง ช่วยกันตัดและนำต้นไม้ออกจากผิวจราจร หลังเปิดทางให้รถสามารถผ่านไปได้เป็นการชั่วคราว ขณะที่เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าภูมิภาค ได้สลับวงจรไฟฟ้าเป็นการชั่วคราว เพื่อจ่ายไฟมาเลี้ยงย่านแหล่งท่องเที่ยวเขาหลัก ส่วนสถานการณ์คลื่นลมแรง และฝนตกหนักในจังหวัดพังงาพบว่า ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายพื้นที่เริ่มมีน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมสวนของประชาชนแล้ว
เพชรบูรณ์ น้ำท่วม 2 อำเภอ ถนนหลายสายระดับน้ำไหลท่วมเส้นทาง
จากสถานการณ์ที่มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืนจากพายุโนอึล ส่งผลให้ในหลายพื้นที่ของอำเภอบึงสามพัน และอ.วิเชียรบุรี ระดับเพิ่มสูงขึ้น และไหลท่วมถนนหลายสาย รวมทั้งพื้นที่ทางการเกษตรในหลายพื้นที่ เช่น ทางหลวงสายชัยภูมิ–นครสวรรค์ บริเวณ หน้า อ.เลิศพืชผล ต.ซับสมอทอด อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ปริมาณน้ำจากเทือกเขาซับสมพงษ์ ได้ไหลเข้าท่วมถนนสายดังกล่าวเป็นระยะทางยาว ราว 200 เมตร โดยระดับน้ำมีความสูงประมาณ 20-40 เซนติเมตรการสัญจรผ่านเส้นทางดังกล่าวต้องใช้ความระมัดระวัง
นอกจากนี้ ทางหลวงหมายเลข 21 สายสระบุรี-หล่มสัก บริเวณหมู่ 3 ต.บึงสามพัน อ.บึงสามพัน ปริมาณน้ำได้เอ่อล้นท่วมเส้นทางสายดังกล่าวเป็นระยะทางยาวราว 200 เมตรระดับน้ำมีความสูงราว 30 เซนติเมตร ทางเจ้าหน้าที่ต้องนำแผ่นป้ายมาเตือนพร้อมอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้เส้นทางดังกล่าวในการสัญจรพร้อมทั้งเปิดให้รถวิ่งสวนทาง เนื่องจากระดับน้ำมีความลึกรถเก๋งวิ่งผ่านด้วยความยากลำบาก
ส่วนที่ บ้านมาบสมอ หมู่ 14 ตำบลท่าโรง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ก็เป็นอีกพื้นที่ ๆ ระดับน้ำไหลท่วมเส้นทางสายมหาราช-น้ำร้อนโดยระดับน้ำมีความสูงราว 20-30 เซนติเมตร ระยะทางยาวประมาณ 400 เมตรการสัญจรต้องใช้ความระมัดระวัง นอกจากนี้ถนนสายบ่อรัง-วิเชียรบุรีระดับน้ำมีความสูงราว 50 เซนติเมตร รถขนาดเล็กไม่สามารถสัญจรได้
จากการสอบถาม นฤทธิ์ ต้นสกุล อายุ เจ้าพนักงานป้าไม้ชำนาญงาน หัวหน้าป้องกันและพัฒนาป้าไม้วิเชียรบุรี หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พช.7 (น้าร้อน) ศูนย์ป่าไม้เพชรบูรณ์ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต.น้ำร้อน อ.วิเชียรบุรีเล่าว่า น้ำได้ไหลเข้าท่วมภายในอาคารสำนักงาน ความลึกราว 50 เซนติเมตรจนทางเจ้าต้องขนย้ายอุปกรณ์สำนักงาน ขึ้นบนที่สูง
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงาน 10 จังหวัดได้รับผลกระทบจากอิทธิพลพายุ “โนอึล” พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนหลายจังหวัดได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสภาวะน้ำท่วมขัง บ้านเรือนเสียหาย ต้นไม้, เสาไฟฟ้าหักโค่นขวางถนน ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง ขณะที่กรมอุตุฯ เผย 13 จังหวัดทั่วไทย ยังไม่พ้นความเสี่ยงถูกพายุพัดถล่ม
เมื่อวันที่ 19 กันยายน นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลพายุ “โนอึล” และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรงบางพื้นที่ ทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก วาตภัย และดินสไลด์ โดยมีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 10 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด มหาสารคาม สุรินทร์ ศรีสะเกษ จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา รวม 27 อำเภอ 40 ตำบล 52 หมู่บ้าน 1 เขตเทศบาล ประชาชนได้รับผลกระทบ 102 ครัวเรือน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
เร่งประสานงานช่วยผู้ประสบภัย
ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยขนย้ายสิ่งของไปไว้ในที่สูง และเร่งระบายน้ำท่วมขัง รวมถึง แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย พร้อมจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม โดยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
โคราชอ่วมน้ำท่วมขัง1-1.2เมตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่ อ.เมืองนครราชสีมาฝนตกตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 กันยายน ตลอดทั้งวัน จนกระทั่งมาตกหนักรุนแรงในช่วงกลางดึกทำให้เกิดน้ำท่วมขังในหลายจุด อาทิ หน้าประตูเข้าค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2, หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, สี่แยกไอที-ตลาดประปา, หน้าตลาดเซฟวัน, ตำบลบ้านใหม่, สามแยกหัวทะเล, ซอยท้าวสุระ 25 น้ำท่วมสูง 1 เมตร-1.20 เมตร., หมู่บ้านมงคลชัยนิเวศน์ 1 เมตร, ชุมชนหนองโสน, ชุมชนท้าวสุระ เป็นต้น รวมทั้งบ้านท่าจะหลุง อ.โชคชัยฯ ทำให้ฝายคันดินแตกทำให้น้ำบ่าไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฏรและเมื่อคืนก็ตกหนักน้ำท่วมซ้ำอีก บ้านเรือน 50 หลังจมน้ำ โดยช่วงฝนตกหนักประมาณ 1 ชม. น้ำท่วมขังอย่างรวดเร็วในทุกจุด
จนช่วงเช้าวันที่ 19 กันยายน ระดับที่ท่วมขังที่ยังทรงตัว โดยเฉพาะชุมชนท้าวสุระ ซอย 25 ศูนย์อนามัยชุมชนหัวทะเล น้ำท่วมสูงรถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรได้ โดยมีบ้านเรือนประมาณ 50 หลังคาเรือนได้รับความเดือดร้อน ระดับน้ำสูงขนาดหน้าอก ประมาณ 1 เมตร-1.20 เมตร มีระยะทาง 700 เมตร เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลหัวทะเลได้นำเรือท้องแบนมาให้การช่วยเหลือในการเข้า-ออก พร้อมทั้งมอบน้ำดื่ม
น้ำท่วมนาข้าวบุรีรัมย์กว่าพันไร่
ส่วนที่ จังหวัดบุรีรัมย์ มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ อ.บ้านด่าน ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงกลางคืนวันที่ 17 กันยายน มาจนถึงวันที่ 18 กันยายน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วม บ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร ถนนภายในหมู่บ้าน และฝายกั้นคันดินขาด ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน โดยนาข้าวของเกษตรกร ใน 5 หมู่บ้าน ถูกน้ำท่วมกว่า 1,000 ไร่ บ้านเรือนกว่า 10 หลังคาเรือน ถนนทางเข้าหมู่บ้าน 3 สาย สูงกว่า 50 เซนติเมตร บ้านโสน หมู่ 3 กับบ้านแคน หมู่ 7 และฝายกั้นน้ำคันดิน ถูกตัดขาดกว่า 10 แห่ง ใน 4 หมู่บ้าน ต้นไม้ใหญ่ ที่บ้านแคน หมู่ 7 หักโค่นทับสายไฟฟ้าแรงสูง ส่งผลทำให้ไฟฟ้าดับใน 7 หมู่บ้าน
มหาสารคามพายุพัดบ้านเรือนพังยับ
ที่บ้านนาอุดมหมู่ 16 ตำบลหนองไฮ อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม บ้านเรือนราษฎรกว่า 20 หลังได้รับผลกระทบจากพายุโนอึล ส่งผลให้บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายอย่างหนัก แรงลมได้พัดหลังคาบ้านปลิวหายไปเกือบทั้งหมด รวมถึงเต็นท์ของหมู่บ้านที่ตั้งไว้เพื่อจัดการประชุมในหมู่บ้าน แรงลมได้พัดไปติดกับสายไฟฟ้า หลังคายุ้งฉางของชาวบ้านถูกยกออกปลิวไปไกลกว่า 10 เมตร สังกะสีปลิวพาดสายไฟ ทําให้ไฟดับทั้งหมู่บ้าน โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างสำรวจความเสียหายเบื้องต้นมี 6 หมู่บ้านในตำบลหนองไฮ ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักรวมบ้านเรือนราษฎรเสียหายไม่ต่ำกว่า 50 หลังคาเรือน
ลพบุรีถูกฝนกระหน่ำทั้งคืน
ที่ จังหวัดลพบุรี น้ำป่าจากเทือกเขาไหลเข้าท่วม 3 หมู่บ้าน ตำบลมหาโพธิ์ อำเภอสระโบสถ์ จังหวัดลพบุรี ในขณะที่บริเวณหมู่ 7 มีน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ภายหลังหลังจากไดมีฝนตกติดต่อกันทั้งคืนที่ผ่านมา วัดปริมาณน้ำฝนได้ 172 มิลลิเมตร ในพื้นที่ตำบลมหาโพธิ์ อำเภอสระโบสถ์ จังหวัดลพบุรีจน ทำให้ช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วม 7 หมู่บ้านในตำบลมหาโพธิ์ ที่หมูที่ 1-2-3-4-6-7 และหมูที่ 10 ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากกว่า 300 หลังคาเรือน ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร โดยหนักที่สุดอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 7 บ้านมหาโพธิ์ น้ำท่วมสูงประมาณ 50 เมตร โดยเฉพาะที่วัดหาโพธิ์ และที่ ร.ร. ซึ่งเป็นที่ลุ่มต่ำปริมาณน้ำประมาณ 60 ซม.
อ่างทองต้นไม้หักโค่นหลายจุด
ที่ จ.อ่างทอง โดยเมื่อคืนวันที่ 18 กันยายน ได้เกิดฝนตกกระจาย ลมกระโชกแรง ในพื้นที่ตำบลตลาดหลวง อำเภอเมือง เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้ต้นไม้หักโค่นทับรถยนต์เสียหายบางส่วน โดยทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ทำการเข้าช่วยเหลือตัดกิ่งไม้ที่โค่นล้มช่วยเหลือประชาชน นอกจากนั้นยังมีรายงานต้นไม้โค่นล้มหลายจุด ขณะที่สถานการณ์ฝนเมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 กันยายน ปริมาณฝนเริ่มเบาบาง และท้องฟ้ายังมือครึ้ม คาดว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นตามลำดับ
พังงาคลื่นลมแรงน้ำทะเลท่วมท่าเรือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสภาพคลื่นลมแรงสูงกว่า 2 เมตร และน้ำทะเลหนุนสูง ที่บริเวณท่าเรือบ้านน้ำเค็ม อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ส่งผลทำให้น้ำทะเลได้พัดขึ้นมาบริเวณลานจอดรถที่นักท่องเที่ยวและประชาชนไว้
จอดรถระหว่างรอข้ามเรือไปยังตำบลเกาะคอเขา จนสร้างความเดือดร้อนไม่สามารถนำรถมาจอด ขณะที่ผู้ประกอบการเรือข้ามฟากที่บ้านน้ำเค็ม ไปยังเกาะคอเขา ที่บริการนักท่องเที่ยวต้องหยุดเดินทาง พร้อมกับนำเรือไปจอดหลบลมตามคลองในหมู่บ้านช่วงที่ฝนตกหนักคลื่นแรง และเพิ่มระมัดระวังเป็นพิเศษ
เรือประมงตรังจมแล้ว4ลำ
ส่วนที่จังหวัดตรัง คลื่นลมในทะเลยังสูงและแรงต่อเนื่อง ชาวประมงพื้นบ้าน ตำบลตะเสะ อำเภอหาดสำราญ พยายามฝ่าคลื่นลมออกไปช่วยดึงเรือ 2- 3 ลำ ที่กำลังถูกคลื่นซัดอย่างหนัก เพราะเกรงว่าเรือจะต้านแรงคลื่นไม่ได้ ถูกซัดจมทะเลไปอีก หลังจากวานนี้มีเรือถูกคลื่นสูงซัดจมทะเลไปแล้ว 2 ลำ และจนถึงขณะนี้ยังกู้เรือขึ้นมาไม่ได้ โดยมีรายงานว่า มีเรือประมงชายฝั่งจมทะเลแล้ว 4 ลำ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาตรังได้ออกประกาศแจ้งเตือนเรือทุกชนิดให้ระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง รวมทั้งเรือโดยสารควรหยุดวิ่งรับส่งผู้โดยสารเป็นการชั่วคราว จนกว่าคลื่นลมจะสงบ
อุตุฯประกาศเตือนน้ำท่วมฉับพลัน
เมื่อเวลา 17.00 น. วันเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศ “พายุระดับ 1 (หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง) “โนอึล” (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 20 กันยายน 2563)” ฉบับที่ 16 ลงวันที่ 19 กันยายน 2563 โดยระบุว่า เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 กันยายน 2563 พายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) “โนอึล” ที่ปกคลุมบริเวณอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุระดับ 1 (หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง) บริเวณจังหวัดพิษณุโลกแล้ว ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนมากทางด้านตะวันตกของประเทศไทยและด้านรับลมมรสุมของภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้
คาด13จว.ทั่วไทยเสี่ยงฝนถล่มหนัก
สำหรับการคาดการณ์ในวันที่ 20 กันยายน พื้นที่ที่คาดว่าจะยังคงมีฝนตกหนัก ได้แก่ ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก และกำแพงเพชร, ภาคกลาง: ราชบุรี กาญจนบุรี อุทัยธานี และชัยนาท, ภาคตะวันออก: จันทบุรี และตราด, ภาคใต้: เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และระนอง
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร อ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังและงดเดินเรือจนถึงวันที่ 20 กันยายน
จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด สามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์ กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยกรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับนี้เป็นฉบับสุดท้ายของเหตุการณ์นี้