Home ข่าว จุดอ่อนแม่ยมทำท่วมใหญ่
จุดอ่อนแม่ยมทำท่วมใหญ่

ที่มา ไทยรัฐ

จุดอ่อนแม่ยมทำท่วมใหญ่ ตื้นเขินขวางทางน้ำ  ‘รอยล’ จี้เร่งขุดลอก กยน.เตือน-ท่วมอีกรง.ญี่ปุ่นเผ่นหนีแน่


กยน.ชี้ปีนี้หากน้ำท่วมพื้นที่เศรษฐกิจของประเทศซ้ำ โรงงานญี่ปุ่นหนีไทยหมดแน่ รวมทั้งเงิน 50,000 ล้านบาท ในกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ ที่รัฐบาลเพิ่งจัดตั้งขึ้น จะหมดตัวด้วย ส่วนพื้นที่การเกษตรยังไงก็ต้องถูกน้ำท่วมแน่นอน “ปลอดประสพ” แจงวุฒิฯยอมรับให้ฝนแล้งดีกว่าน้ำท่วม สั่งเปิดประตูระบายน้ำทุกเขื่อน ยันไทยเจอไต้ฝุ่นจังเบอร์แน่ 1 ลูก มท.1 ชี้สร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นต้องทำความเข้าใจทุกฝ่าย กนอ.เร่งสำรวจนิคมฯสหรัตนนครรื้อแผนป้องกันน้ำท่วมใหม่หมดรับมือน้ำปีหน้า

ยังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์สำหรับแผนป้องกันน้ำท่วม ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการว่า จะ “เอาอยู่” หรือ “เอาไม่อยู่” กับปัญหาน้ำที่คาดว่ามีมากในปีนี้ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20ก.พ. มีการประชุมคณะทำงานจัดทำแผนการกำหนดพื้นที่รับน้ำนองและมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการใช้พื้นที่เพื่อรับน้ำนอง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งที่ประชุมได้หารือกันถึงแนวทางในการลงมือทำงาน ตามแผนป้องกันน้ำท่วมปี 55 ให้เป็นรูปธรรมและยังมีกรรมการจากคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) คนสำคัญ ที่มีบทบาทในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเข้าร่วมประชุมด้วย คือ นายสมบัติ อยู่เมือง และนายชูเกียรติ ทรัพย์ไพศาล รองประธาน คณะอนุกรรมการวางระบบบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ

นายชูเกียรติกล่าวต่อที่ประชุมว่า กยน.ได้ทำแบบจำลองการไหลของน้ำ (ซิมมูเลชั่น) มาแล้ว พบว่าถ้าไม่มีแก้มลิง เราหมดตัวแน่นอน ปีนี้เราต้องการแก้มลิง 2 ล้านไร่ แต่ยังหาได้มาเพียง 1.5 ล้านไร่ อีก 5 แสนไร่ต้องรีบหาให้ได้เร็วที่สุด ถ้าทำไม่ได้แล้วน้ำมาประชิดเมือง คือ กรุงเทพฯ และเขตเศรษฐกิจของประเทศ เราจะไม่รอดและเงิน 50,000 ล้านบาท ในกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติที่รัฐบาลเพิ่งจัดตั้งขึ้น จะต้องหมดตัวแน่ นอกจากนี้ จากการที่ได้พูดคุยกับตัวแทนขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของประเทศญี่ปุ่น หรือไจก้า ระบุว่าหากปีนี้เกิดน้ำท่วมซ้ำในไทยอีก โรงงานญี่ปุ่นในไทยวันนี้คงต้องหนีออกไปหมดแน่

ด้านนายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า แผนการนำน้ำเข้าแก้มลิงและการผันน้ำอ้อมเมืองที่ กยน.นำมาเสนอ หากมองในแผนที่ทำได้ง่ายนิดเดียว แต่ในการปฏิบัติงานจริงมันสาหัสสากรรจ์ เพราะมีแก้มลิงแล้วต้องนำน้ำเข้าไปอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ ก็ต้องตอบโจทย์ของนายกฯให้ได้ด้วยว่ามีแก้มลิง 2 ล้านไร่ ก็ต้องรับน้ำให้ได้ 5,000 ล้าน ลบ.ม.ด้วย ส่วนพื้นที่การผันน้ำ ที่เป็นห่วงมากที่สุด คือฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ เพราะมีการปลูกพืชเศรษฐกิจกันมาก มีโครงสร้างด้านชลประทานไม่เพียงพอ และยังมีแม่น้ำน้อยที่คดเคี้ยวระบายน้ำได้ยากอยู่ด้วย

วันเดียวกัน นายรอยล จิตรดอน ผอ.สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) ให้สัมภาษณ์ที่ จ.อุดรธานี ว่า ได้จัดทำแผนที่น้ำระดับตำบล รวมทั้งการแจ้งข่าว ติดตามสถานการณ์น้ำ หรือมีเดีย บ็อกซ์ ซึ่งจะติดตั้งให้กับ อบต.ทั่วประเทศ ติดตามสถานการณ์น้ำได้อย่างทันท่วงที โดยในปีนี้ จะทำให้แล้วเสร็จใน 500 ตำบล ทั่วทั้งประเทศ ปี 2556 อีก 1,200 ตำบล และปี 2557 อีก 2,300 ตำบล รวมเป็น 4,000 ตำบล ในพื้นที่เสี่ยงเกิดปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งอย่างรุนแรง ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีแผนที่น้ำเป็นครั้งแรก จากนี้เป็นต้นไป อบต.จะต้องใช้มีเดีย บ็อกซ์ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การบริหารจัดการน้ำนับจากนี้ กระทรวงไอซีทีและกระทรวงมหาดไทยจะสามารถสื่อสารกับท้องถิ่น เรื่องการบริหารจัดการน้ำได้โดยตรง ทั้งการคาดการณ์ปริมาณฝนจากสถานีตรวจวัดทั่วประเทศ รวมทั้งปริมาณฝนผ่านมีเดีย บ็อกซ์

mediabox mediabox mediabox mediabox

mediabox mediabox mediabox mediabox

Media Box ระหว่างการพัฒนา

นายรอยลกล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์น้ำในปี 2555 ถือว่า ยังมีฝนเยอะ ขณะนี้รัฐบาลได้ค้นพบจุดอ่อนที่ทำให้เกิดน้ำท่วม คือ บริเวณแม่น้ำยมซึ่งไหลผ่านจังหวัดพิจิตร มีความตื้นเขิน ตะกอนดินสะสมจนเป็นคันดินคล้ายเขื่อนธรรมชาติขวางทางน้ำ ทำให้แม่น้ำยมระบายไม่ทัน รวมทั้งการบริหารจัดการเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ให้เหมาะสม ถ้าทำได้สำเร็จ รับรองว่าปีนี้จะไม่เกิดน้ำท่วมใหญ่แน่นอน ปัจจัยสำคัญที่ชี้วัดปริมาณฝนอยู่ที่เดือน ก.ย.ว่าจะมีปริมาณฝนมากหรือน้อย ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อปริมาณฝน มาจากอิทธิพลของลมมรสุมในทะเลแปซิฟิกตอนเหนือ หรือลมตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะมีความรุนแรงมาก ขณะนี้พบว่าทะเลแปซิฟิกมีลักษณะคล้ายปี 2551 ซึ่งเกิดพายุใหญ่ 3 ลูก แต่ปีนี้จะแรงกว่า แต่ไม่เท่าปี 2554 เงื่อนไขสำคัญที่สุดคือการพร่องน้ำให้อยู่ในจุดสมดุล โดย จ.พระนครศรีอยุธยา ยังคงเป็นจังหวัดที่มีความเสี่ยงน้ำท่วมเช่นเดิม จ.สมุทรสาคร นนทบุรี และฝั่งธนบุรี จะได้รับผลกระทบน้อยลง เนื่องจากกรมทางหลวงได้จัดทำคลองรับน้ำ และคลองระบายน้ำที่ถนนพุทธมณฑลสาย 5 นอกจากนี้ สสนก. ยังได้ร่วมมือกับต่างประเทศในการจัดทำแบบจำลอง คาดการณ์สภาพอากาศ เช่น จีน เดนมาร์ก สหรัฐอเมริกา และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งมีเทคโนโลยีที่สูงมาก ทำให้สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้จากเดิม 3 วัน เป็น 7 วัน หรือ 1 เดือน ได้แม่นยำมากขึ้น


ที่รัฐสภามีการประชุมวุฒิสภา มีนายนิคม ไวย รัชพานิช รองประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณากระทู้ถามด่วนเรื่องการดำเนินงานของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ซึ่งนายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชี้แจงว่า จากการคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนเริ่มใกล้เคียงกัน เราคงเผชิญกับปีฝนมากไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน คาดว่าปีนี้ทั่วโลกจะเกิดพายุไต้ฝุ่น 50-60 ลูก ในมหาสมุทรแปซิฟิกมีไต้ฝุ่น 27 ลูก ก่อเป็นพายุโซนร้อนกระทบไทย 3-4 ลูก โดย 1 ลูกเข้าไทย เรามีเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ รับน้ำได้ 5,000 ล้าน ลบ.ม. ขณะนี้ได้พร่องน้ำตลอด แต่เชื่อว่าด้วยปริมาณน้ำขนาดนี้คงไม่แล้ง ดังนั้นจะเหลือปริมาณน้ำที่เป็นตัวปัญหาคือ 15,000-10,000 ล้าน ลบ.ม. ระบายลง 3 แม่น้ำ คือ เจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง หากบริหารจัดการได้อย่างนี้น้ำจะหมดภายในเดือน พ.ย. นอกจากเรามีแนวคิดจะทำฟลัดเวย์เพื่อระบายน้ำแล้ว เราต้องทำฟลัดไดเวอร์ชั่น หรือทางเบี่ยงน้ำซึ่งอยู่ในแผนระยะยาว ต้องใช้เวลาและงบประมาณที่สูงมาก นอกจากนี้ปีนี้เรายึดตามหลักพระราชดำริในการจัดทำและวางแผนการใช้เครื่องดันน้ำตามจุดต่างๆ ส่วนการเตือนภัยที่มีความสับสนนั้น ปีนี้ได้สร้างกติกาใหม่ว่าอำนาจการพูดควรเป็นใครบ้าง แต่ละหน่วยจะรายงานข้อมูลเข้ามาที่ส่วนกลาง ตั้งแต่ข้อมูลพื้นฐานจนถึงข้อมูลที่ประเมินแล้ว จึงพูดตามที่จัดสรรแบ่งงาน จะมีการติดตั้งซีซีทีวีดูระบบการระบายน้ำ จุดประตูน้ำจะปิดหรือเปิดจะใช้สวิตช์กลางอัตโนมัติ ติดสัญญาณเตือนภัยตามพื้นที่น้ำท่วม

ด้านนายพิจิตต รัตตกุล ผอ.ศูนย์เตรียมความพร้อมเตือนภัยพิบัติแห่งเอเชียกล่าวว่า ฝ่ายวิชาการของพรรคประชาธิปัตย์ให้คะแนนรัฐบาลสอบตก “ทัวร์นกขมิ้น” ลงพื้นที่แก้ปัญหาน้ำท่วม แต่ตนเห็นว่าการให้คะแนนต้องอยู่บนพื้นฐานทางวิชาการไม่ใช่การเมือง ควรให้คะแนนในความพยายามของรัฐบาลที่พยายามแก้ปัญหา นำข้อมูลในกระดาษผลักดันให้เกิดการปฏิบัติในภาคสนาม และพอใจที่รัฐบาลให้ความสำคัญในการรักษาเส้นทางคมนาคม สำหรับแหล่งเก็บน้ำ 2 ล้านไร่ ขอแนะว่าควรมีเส้นทางเข้าทางออกของน้ำ ไม่เช่นนั้นจะเป็นกระเปาะ ต้องเชื่อมโยงกระเปาะด้วยการขุดคลองไส้ไก่เชื่อมต่อกันเพื่อนำน้ำไปสู่แหล่งเก็บและทิ้งลงแหล่งน้ำ ควรให้ อบต. หรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นช่วยดูแล และขณะนี้ควรให้ความสำคัญกับแผนระยะสั้นเป็นพิเศษมากกว่าระยะยาว เพราะอีก 4 เดือนน้ำจะมาอีกแล้ว เชื่อว่าประสานงานในการปล่อยน้ำจากเขื่อนจะทำได้ดีขึ้น แต่ปีนี้ฝนจะยังมากอยู่ ประชาชนจะต้องรู้ข้อมูลที่แท้จริง โดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชนปลายน้ำ อาทิ จังหวัดสมุทรสาคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ กรุงเทพฯ จะต้องรีบทำความเข้าใจ เพราะอาจจะยังเห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลทำยังไม่เป็นที่พอใจ จึงยังไม่เชื่อว่าน้ำจะไม่ท่วมอีก

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยภายหลังประชุมผู้บริหาร กทม.ว่า สำหรับแนวทางมาตรการและแผนปฏิบัติการเพื่อเตรียมความพร้อม ในการป้องกันน้ำท่วมระยะเร่งด่วนในปี 55 ที่รัฐบาลได้ให้งบอุดหนุน 1,628 ล้านบาท ประกอบด้วย งานซ่อมแนวป้องกันน้ำท่วมและเสริมคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย คลองมหาสวัสดิ์ และคันกั้นน้ำพระราชดำริด้านตะวันออก 892 ล้านบาท งานเพื่อประสิทธิภาพระบบระบายน้ำ 713 ล้านบาท และสร้างระบบเตือนภัย 22.5 ล้านบาท สำหรับงานซ่อมแนวป้องกันน้ำท่วมมีด้วยกัน 5 จุด คือ แนวป้องกันริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณปลายซอยจรัญสนิทวงศ์ 74/1 บริเวณโรงฟอกหนัง บริเวณอู่เรือหะริน แนวป้องกันน้ำท่วมริมคลองบางกอกน้อย ช่วงบริเวณปากคลองบางกอกน้อยถึงคลองมหาสวัสดิ์ บริเวณข้างสถานีดับเพลิงบางขุนนนท์ การยกคันกั้นน้ำให้สูงขึ้น นอกจากนี้ กทม.ได้ของบเพิ่มเติมจากรัฐบาลอีก 148 ล้านบาท เพื่อสร้างแบริเออร์ถนนนิมิตรใหม่ 4.8 กม.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมผู้บริหาร กทม. ยังเตรียมเสนอให้หน่วยงานภายนอกของ กทม.ดำเนิน การดังนี้ 1.ในส่วนของกรมชลประทาน ให้ก่อสร้างสถานีสูบน้ำคลองเปรมประชากรสูบน้ำลงคลองรังสิต ย้ายสถานีสูบน้ำจุฬาภรณ์ไปริมแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างคันกั้นน้ำริมคลองมหาสวัสดิ์จากคลองทวีวัฒนาถึงแม่น้ำท่าจีน 3 ม.รทก. 2.กรมทางหลวง ให้ขยายคลองพระยาสุเรนทร์บริเวณจุดตัดถนนวงแหวนตะวันออก ให้ขยายท่อลอด หรือสะพานบริเวณที่ตัดถนนรามอินทรา ถนนสุวินทวงศ์ ถนนบางนา-ตราด 3.การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ขยายสะพานที่ตัดคลองในพื้นที่ กทม.ให้มีช่องน้ำเท่าคลองเดิม เสริมความสูงแบริเออร์ถนนโลคัลโรด ช่วงถนนจรัญ สนิทวงศ์ถึงสะพานข้ามคลองบางกอกน้อยให้มีความสูง 3.5 ม.รทก. 4.กรมเจ้าท่า ให้ดำเนินการรื้อย้ายบ้านรุกล้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย ให้ขุดลอกลำน้ำและสันดอนแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำบางปะกง

นายนราพจน์ ทิวถนอม รองผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.จะลงพื้นที่สำรวจนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร จ.พระนครศรีอยุธยาเป็นแห่งแรก เพื่อประเมินความเสียหายจากวิกฤติน้ำท่วม รวมทั้งตรวจสอบว่ามีจุดใดของพื้นที่ที่จะต้องแก้ไขเพื่อป้องกันน้ำท่วมในปีหน้า ความเสียหายของโรงงานอุตสาหกรรมในนิคมฯแห่งนี้ คิดเป็นมูลค่ารวมกัน 25,000 ล้านบาท ส่วนแนวทางในการป้องกันน้ำท่วมภายในนิคมฯ กนอ.จะหารือกับผู้บริหารนิคมฯคือ บริษัท เอส.ซี.เอ็ม.บี.จำกัด ในการทบทวนแผนการป้องกันของนิคมฯใหม่ให้มีความแข็งแรงมากขึ้น แม้ว่าสถานการณ์ของนิคมฯจะขาดสภาพคล่องและอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการก็ตาม

นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการขออนุมัติงบประมาณ 5,135 ล้านบาทในการดำเนินโครงการ 120 โครงการ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมว่า โครงการที่ทั้ง 31 จังหวัดเสนอมานั้น จะต้องดูเป็นโครงการไปว่าจะต้องเสร็จเมื่อใด หากเป็นโครงการฟื้นฟูจะต้องแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน หากเป็นโครงการระยะยาวก็จะใช้เวลา 1-2 ปี เมื่อถามว่าข้อเสนอการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่เพื่อเก็บกักน้ำ จะยังคงดำเนินการต่อไปหรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า การสร้างเขื่อน เช่นแก่งเสือเต้น จะต้องทำความเข้าใจและสอบถามประชาชนในพื้นที่ เรื่องดังกล่าวอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการ กยน.ว่าสมควรที่จะมีการสร้างหรือไม่ หากเห็นสมควรก็จะต้องทำความเข้าใจกับประชาชน เมื่อถามว่าการสร้างเขื่อนมักจะมีการคัดค้านจากกลุ่มเอ็นจีโอ กรณีผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม นายยงยุทธตอบว่า จะต้องทำความเข้าใจกับทุกฝ่าย

อีกด้านเวลา 09.30 น. ที่ลานหน้าอำเภอบางเลน จ.นครปฐม นายพยงค์ คงอุดมทรัพย์ ประธานสหกรณ์ผู้ประกอบการกล้วยไม้ไทยฯ นายสมบัติ ตันเสถียร นายกสมาคมผู้ประกอบการสวนกล้วยไม้ไทย และชาวสวนกล้วยไม้กว่า 800 คน ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือหลังเสียหายจากน้ำท่วม โดยนำซากกล้วยไม้ใส่รถกระบะมาด้วย นายพยงค์กล่าวว่า ชาวสวนกล้วยไม้ 824 รายใน 7 จังหวัด คือ นครปฐม นนทบุรี กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา และสุพรรณบุรี พื้นที่เสียหาย 11,119 ไร่ มูลค่าความเสียหาย 4,000 ล้านบาท และยังมีกลุ่มผู้เลี้ยงไม้ดอกไม้ประดับนับพันไร่ เสียหายหลายร้อยล้านบาท

แก้ไขล่าสุด ใน วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 09:25 น.
 
Home ข่าว จุดอ่อนแม่ยมทำท่วมใหญ่