Home ข่าว ดร.รอยล จิตรดอน ถอดบทเรียนน้ำท่วมประเทศไทย
ดร.รอยล จิตรดอน ถอดบทเรียนน้ำท่วมประเทศไทย

วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 15:00:48 น.

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1322105623&grpid=01&catid=01

ดร.รอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ได้พูดคุยแนวคิด มุมมอง ปัญหา เรื่องการบริการจัดการน้ำให้กลุ่มนักข่าวสิ่งแวดล้อมฟัง ที่สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร ซ.รางน้ำ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

มุมมองของผม อย่างแรกสุดคือการฟื้นของเดิมขึ้นมาก่อน อย่างแนวคันกั้นน้ำตามแนวพระราชดำริทั้งหลายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) พบว่าที่แล้วมาการบำรุงรักษาไม่ดีพอ เมื่อถนนหลายเส้นเกิดการทรุดตัวลง เช่น ถนนกิ่งแก้ว ทรุดมาก เหลือแค่ 1.4 เมตร ในขณะที่บางช่วงสูง 2.4 เมตร อันที่ 2 เรื่องคลองที่มีอยู่เดิม ที่พระองค์ท่านวางเอาไว้ตั้งแต่ปี 2526 พบว่าค่อนข้างทรุดโทรม ไม่สามารถส่งน้ำไปปลายทางได้ เพราะคลองมันทรุด ไม่ใช่แค่ตื้น แต่แผ่นดินทรุด ตรงกลางมันทรุดด้วย นอกจากนี้ก็ยังพบการรุกล้ำลำคลอง เช่น คลองเปรม คลองบางซื่อ คลองในฝั่งธนบุรี รุกล้ำกันเยอะ ทั้งสร้างบ้าน และเอาไปใช้ทำถนนก็มี

พื้นที่ฝั่งตะวันออก เนื่องจากเป็นคลองขนาดใหญ่จึงโดนรุกล้ำไม่เยอะ แต่คลองฝั่งตะวันตกเป็นคลองขนาดกลางและคลองขนาดเล็กมาก เช่น คลองบางซื่อ โดนรุกล้ำเยอะมาก ที่เจออีกอันคือ คลองที่ลอดใต้ถนน จากเดิมที่เราเคยมองว่าท่อไม่พอ แต่ตอนนี้เรารู้ว่าปัญหาส่วนใหญ่การขุดลอกไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ไม่ค่อยได้ทำ เมื่อน้ำส่งออกไปน้ำก็จะถูกล็อกเป็นช่วงๆ ตอนนี้เรามีเครื่องมือสแกนความลึกของคลอง คลองตรงไหนไม่ลึกพอ เราก็ไล่ขุดเป็นช่วงๆ แทนที่จะขุดลอกทั้งเส้น เราก็เลือกขุดลอกเฉพาะพื้นที่ได้ เช่น คลองลาดพร้าว บางช่วงก็ลึกเลย บางช่วงก็ตื้น แต่เมื่อเรามีเอ็กโค่ซาวเดอร์ หรือเครื่องมือตรวจสอบความตื้นลึก เราก็สามารถแก้ปัญหาได้ การตรวจสอบก็ง่ายขึ้น

ปัญหาเรื่องคลองที่เราเจอก็คือ คลองมันหายไป สมัยก่อนมันมี แต่วันนี้มันกลายเป็นถนน อย่างเช่นที่ถนนอังรีดูนังต์ พวกคุณเคยรู้ไหมว่าเดิมมีคลองอรชร แล้ววันดีคืนดีมันก็หายไป กลายเป็นท่อน้ำแทนที่ เราพบว่าข้างล่างถนนอังรีดูนังต์มันเป็นคลอง 2-3 คลอง มีคลองแสนแสบ ลอดใต้ออกมาไปบรรจบถนนพระราม 4 เป็นอุโมงค์ออกแม่น้ำเจ้าพระยา วางทิศเพื่อระบายน้ำฝนเพื่อสูบออกคลองแสนแสบ แต่ระบบสูบของเขา คือ คลองแสนแสบเข้าคลองอรชรเดิม ซึ่งตอนนี้กลายเป็นท่อ เข้าคลองแสนแสบ ออกเจ้าพระยาตอนล่าง แต่ปรากฏว่าผังเดิม คลองแสนแสบวิ่งออกไปข้างนอกด้านภูเขาทอง การไปออกเจ้าพระยาตอนบน ซึ่งออกยาก

ปรากฏว่าง่ายๆ เลยทดลองเปิดประตูน้ำตรงนี้ น้ำไปออกคลองแสนแสบ ไปดูท่อระบายน้ำในสระ ประตูน้ำที่มีอยู่เดิมรอบศาลาแดงไม่เคยรู้ว่ามีอุโมงค์ข้างล่าง การสูบจะสูบไปยังคลองแสนแสบด้านบน ระบบสูบ สูบอย่างเดียว เอาจากน้ำฝนวิ่งออกไปในคลอง แต่เขาลืมไปว่า ถ้าเป็นน้ำท่วมบ่าเข้าไปในเมือง จะต้องผลักออกเจ้าพระยา คลองพวกนี้มองอย่างเดียวถ้าฝนตกที่อังรีดูนังต์จะต้องปั๊มออก

เหมือนที่คลองบางซื่อแทนที่น้ำจะเข้ามาที่คลองบางซื่อเสร็จจากคลองบางซื่อเสร็จจะวิ่งต่อ ถ้ารับไม่ไหวจะวิ่งต่อไปที่สถานีดินแดงได้อย่างไร กทม.วางรูปแบบไว้เฉพาะน้ำฝน แต่ไม่ได้วางเพื่อรับน้ำบ่า ถามว่าเครื่องสูบพอไหม พอ แต่ทิศทางการสูบไม่ได้รองรับน้ำบ่าเท่านั้นเอง ไม่ทำผังเชื่อมระบบ และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ก็ไม่ได้คิดเผื่อเอาไว้ว่าจะต้องทำงานกรณีน้ำบ่าเยอะๆ จะเห็นว่ากรณีสถานีสูบบางซื่อตัดถนนวิภาวดี กับที่คลองบางเขนตัดถนนวิภาวดี ทิศทางการสูบจะเป็นจากเหนือคลองด้านเหนือถนนวิภาวดีสู่คลองบางเขน ด้านใต้ถนนวิภาวดีก็สู่คลองบางเขน แทนที่จะส่งต่อไปทางคลองเปรมประชากร แทนที่จะส่งต่อไปที่ประตูน้ำตรงหอวัง ที่รัชโยธิน เขาไม่ได้มองอย่างนั้น มองแก้น้ำฝน แก้น้ำขังอย่างเดียวเท่านั้น

- ทำไมจึงคิดอย่างนั้น

เกิดจากการที่คิดว่าอุดอยู่ น้ำไม่เข้าแน่นอน คิดว่าคันพระราชดำริเอาอยู่ ซึ่งคันพระราชดำริก็ไม่ได้ดูแลดีเท่าที่ควร ที่ต้องฟื้นแนวคัน เพราะมันทรุด

- เปลี่ยนระบบเปิดปิดประตูน้ำโดยควบคุมผ่านคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ จะต้องรื้อระบบทั้งหมดหรือเปล่า

ไม่จำเป็นต้องรื้อหมด การพัฒนาระบบที่ดี คือ ต้องต่อยอดของเดิม ที่มีอยู่เดิมมันถูก มีบางอย่างเท่านั้นที่ต้องแก้ไข อีกอย่างการแก้ไขพัฒนานั้นต้องพัฒนาที่คน พัฒนาที่ความคิด อย่าพัฒนาที่เครื่อง เช่น ที่เชื่อว่าทำอย่างไรก็ได้ให้กันอย่าให้น้ำเข้ามา คิดแบบนี้คนข้างนอกก็ทะเลาะกับคนข้างในตาย แต่ต้องคิดว่าทำอย่างไรที่จะกันน้ำเอาไว้บางส่วน และต้องผ่านน้ำออกไปให้ได้เร็วที่สุด

- ความผิดพลาดของ กทม.คือคิดจะกันแต่น้ำฝนใช่ไหม

เขาคิดแต่จะกันน้ำ กับระบายน้ำฝน ทั้งที่มีศักยภาพที่จะทำได้มากกว่านั้น ถ้าจัดระบบใหม่ คือ ถ้า กทม.ทำมาทั้งหมดอย่างที่บอกคือจัดการเรื่องท่อน้ำ ปรับปรุงคันกั้นน้ำ จะระบายน้ำได้วันละ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร จากตัวเลขที่มีคือ 25 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน และถ้าคลองด่านทำงานเต็มที่ได้ 35 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ออกบางปะกงได้อีกประมาณ 6-7 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ออกเจ้าพระยาได้ประมาณ 200-300 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน น้ำจะอยู่กับเราไม่นาน เวลานี้จากเครื่องมือและวิธีการที่ กทม.ทำอยู่ทั้งหมดได้เกือบ 40% ผมไม่ใช้คำว่าแค่ ผมใช้ว่าเกือบ

- กทม.จำเป็นต้องหาเครื่องสูบน้ำเพิ่มขึ้นหรือไม่ แค่เคลียร์ระบบที่มีปัญหา พอหรือเปล่า

เครื่องสูบน้ำก็ยังต้องใช้ ต้องมีเพิ่มบ้าง แต่ต้องมีระบบการส่งน้ำไปยังเครื่องสูบน้ำ ก็เห็นว่าคลองลาดพร้าวส่งน้ำไม่ได้ น้ำจึงท่วมที่พหลโยธินกับที่ถนนวิภาวดี

- บรรดากูรูใน กยน.คุยอะไร อย่างไรกันบ้าง

เราเห็นว่าทุกอย่างขึ้นกับการบริหารจัดการ การบำรุงรักษา และเครื่องมือที่ไม่พร้อม ไม่พร้อมไม่ใช่ว่าไม่มี แต่เพราะเราวางทิศเครื่องมือไม่ตรงกับปัญหา ถามว่าเป็นความผิดพลาดไหม ก็ไม่ได้ผิดพลาดหรอก เพราะเขาคิดแบบนั้น ถามว่าเครื่องมือทำงานตามที่เขาคิดไหม ที่ผ่านมาก็เป็นไปตามที่เขาคิด แต่คราวนี้ไม่ใช่

ถามเรื่องกรรมการใน กยน. ตอนนี้กรรมการไม่ได้ประชุม แต่คุยกัน ท่านสุเมธ (ตันติเวชกุล) ก็พูด ท่านว่า ถ้ามองโครงการพระราชดำริทั้งหมด ไม่ใช่มองแค่ เฉพาะในส่วน กทม.เท่านั้น ก็อยากจะแบ่ง คือ ต้นน้ำจะแก้อย่างไร ต้นน้ำคือเหนือนครสวรรค์ขึ้นไป ระบบเขื่อน ระบบป่า ระบบการใช้ประโยชน์ที่ดิน และระบบหน่วงน้ำ คือ แก้มลิง เช่น บึงบอระเพ็ด บึงสีไฟ หน่วงน้ำเสร็จมาถึงพื้นที่เมือง ท่านก็มองเรื่องการระบายฟลัดเวย์ (Flood way) ท่านมองสองส่วนหลัก

ระบบที่มีอยู่ระบายน้ำฝนและกันน้ำไม่ให้เข้า ตอนแรกที่ทำคันกัน กันแค่สองสามเมืองก็อยู่ แต่พอกันทั้งระบบก็เอาไม่อยู่ เพราะฉะนั้นตอนแรกที่เริ่มทำคันและบอกว่าชนะแล้ว และทุกคนทำคันหมด ตั้งแต่นครสวรรค์ ลพบุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ไม่ได้ทำแค่กั้นเมือง กั้นที่นาด้วย ทุกคนก็เจ๊งหมด แทนที่น้ำจะแผ่ กลับถูกบีบและน้ำก็สูงมาก ผมว่ากรมโยธาธิการและผังเมืองจะต้องกำหนดความสูงของคันและพื้นที่ป้องกัน ใครป้องกันต้องระบาย ถ้าบล็อกไว้เท่าไร ต้องมีช่องระบายออกมาเท่านั้น หรือไม่ต้องหาพื้นที่รับน้ำไว้ด้วย เช่น ถ้า กทม.จะกัน 20 ล้าน ลบ.ม. ก็ต้องการันตีได้ว่าสามารถผ่านน้ำได้ 20 ล้าน ลบ.ม.ด้วย

หน้า 7,มติชนรายวัน ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน 2554

 
Home ข่าว ดร.รอยล จิตรดอน ถอดบทเรียนน้ำท่วมประเทศไทย