เหตุการณ์ : เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำบริเวณจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประกอบด้วย 1) คลองบางหลวง ต.บางหลวงโดด อ.บางบาล 2) คลองบางบาล ต.ไทรน้อย อ.บางบาล และ 3) แม่น้ำน้อย ต.หัวเวียง อ.เสนา
สาเหตุ : ภาคเหนือมีฝนตกหนักต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ลำน้ำหลายสายมีปริมาณน้ำสะสมเป็นจำนวนมากไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่ภาคกลาง ทำให้เขื่อนเจ้าพระยา ที่ จ.ชัยนาท จำเป็นต้องทยอยปรับการระบายน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึง 2,000 ลบ.ม. ต่อวินาที ในวันที่ 12 ก.ย. 68 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ส่งผลทำให้เกิดน้ำท่วมบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำ

Attachments:

20250915_Predict_SendRid.pdf

[ ]

4019 Kb

เหตุการณ์ : วันที่ 6 ก.ย. 68 เกิดฝนตกต่อเนื่อง ฝนตกหนัก และน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร โดยที่สถานี ส.เทเวศร์ (RF.PNK.02) เขตพระนคร วัดปริมาณฝนรายวันสูงสุดได้ 134.5 มิลลิเมตร โดยมีปริมาณฝนสะสม 2 ชั่วโมง (15.00-17.00 น.) สูงถึง 97.5 มิลลิเมตร และที่สถานี สนข.ทวีวัฒนา (RF.TWW.01) เขตทวีวัฒนา วัดปริมาณฝนตกรายชั่วโมงสูงสุดได้ 73 มิลลิเมตร และวันที่ 7 ก.ย. 68 เกิดน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ของจังหวัดสมุทรปราการ จากฝนที่ตกต่อเนื่อง โดยที่สถานี ส.คลองสำโรง (RF.SPK.01) อำเภอเมืองสมุทรปราการ วัดปริมาณฝนตกรายวันได้ 67 มิลลิเมตร โดยมีฝนรายชั่วโมงสูงสุดอยู่ที่ 36 มิลลิเมตร ประกอบกับที่สถานีป้อมพระจุลจอมเกล้า (สมุทรปราการ) ระดับน้ำขึ้นสูงสุดในวันที่ 7 ก.ย. 68 เวลา 18.41 น. อยู่ที่ 3.19 เมตร ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ
สาเหตุ : เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือพาดผ่านเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ในช่วงต้นสัปดาห์ หลังจากนั้นร่องมรสุมพาดผ่านเข้าสู่พายุไต้ฝุ่น “ตาปะฮ์” (TAPAH) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนในช่วงปลายสัปดาห์ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น

Attachments:

20250908_Predict_SendRid.pdf

[ ]

6383 Kb

เหตุการณ์ : ช่วงวันที่ 25-27 ส.ค. 68 เกิดฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากโดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินไลด์ ในพื้นที่ 14 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย น่าน พะเยา แพร่ ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก เลย และนครพนม รวมพื้นที่ 40 อำเภอ 114 ตำบล 355 หมู่บ้าน และมีผู้เสียชีวิต 9 ราย ทั้งนี้ตรวจวัดปริมาณฝนสะสม 3 วัน สูงสุด ได้แก่ จังหวัดนครพนม 245 มิลลิเมตร แพร่ 226 มิลลิเมตร น่าน 199 มิลลิเมตร ลำปาง 171 มิลลิเมตร และแม่ฮ่องสอน 148 มิลลิเมตร ต่อมาในช่วงวันที่ 30-31 ส.ค. 68 เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากอีกครั้งในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียง และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งซ้ำบริเวณจังหวัดลำปาง เพชรบูรณ์ พิษณุโลก และมีน้ำท่วมเพิ่มขึ้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ หนองบัวลำภู ขอนแก่น และภูเก็ต โดยวัดฝนรายวันสูงสุดที่จังหวัดพิษณุโลก 196 มิลลิเมตร สุโขทัย 159 มิลลิเมตร และกาฬสินธุ์ 156 มิลลิเมตร สาเหตุ : จากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น “คาจิกิ” ที่อ่อนกำลังลงจนเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำในวันที่ 26 ส.ค. 68 แล้วเคลื่อนตัวตามแนวร่องมรสุมเคลื่อนปกคลุมภาคเหนือในช่วงวันที่ 26 -27 ส.ค. 68 จากนั้นประเทศไทยตอนบนได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “หนองฟ้า” ที่อ่อนกำลังเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือตอนล่างในวันที่ 31 ส.ค. 68

Attachments:

20250901_Predict_SendRid.pdf

[ ]

5837 Kb

เหตุการณ์ :เกิดฝนตกหนักบริเวณภาคเหนือ ส่งผลให้วันที่ 23 ส.ค. 68 เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ ได้แก่ 1) จังหวัดน่าน บริเวณอำเภอบ่อเกลือ โดยที่สถานี MOU028 หน่วยจัดการต้นน้ำขุนน่าน ตรวจวัดปริมาณฝนสะสม 2 ชั่วโมง (ช่วงเวลา 13.00-15.00 น.) ได้สูงถึง 94.8 มิลลิเมตร ทำให้มีน้ำหลากที่บ้านเวร ตำบลบ่อเกลือใต้ และ 2) จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณอำเภอแม่ริม โดยสถานี MOU009 สะพานน้ำแม่สา ตรวจพบฝนตกต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์ ส่งผลให้น้ำท่วมผิวการจราจรบนถนนโชตนา และสะพานทางลอดป่าแดด-ชุมชนป่าพร้าว สาเหตุ : เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนในวันที่ 23 ส.ค. 68 และพาดเข้าสู่พายุไต้ฝุ่น “คาจิกิ” ที่ปกคลุมบริเวณเมืองวิญ ประเทศเวียดนาม ในช่วงวันที่ 24-25 ส.ค. 68 ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้นในช่วงดังกล่าว

Attachments:

20250825_Predict_SendRid.pdf

[ ]

6870 Kb